|
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 22/05/2560 ] |
|
|
|
|
'สธ.'ตื่นล้อมคอกปมแพทย์หนุ่มดับจัดมาตรการดูแลหมอโหมงานหนัก |
|
|
|
|
ปลัด สธ.ออก 4 แนว ดูแล 'แพทย์-บุคลากรสาธารณสุข' หลังโลกโซเชียลวิจารณ์หนัก 'หมอบอล'รพ.ลำปลายมาศเสียชีวิต
จากกรณีสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ เรื่องราวของ นพ.ฐาปกรณ์ ทองเกื้อ หรือหมอบอล อายุ 30 ปี แพทย์ประจำโรงพยาบาลลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ป่วยหนัก แต่ยังเห็นแก่ผู้ป่วยทำงานจนกระทั่งตัวเองเสียชีวิต และล่าสุดทางญาติได้นำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ฌาปนสถานวัดท่าโพธิ์ ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ปรากฏว่าเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์มีการแชร์ข้อความแสดงความไม่พอใจผ่าน เฟซบุ๊ก เรียกร้องกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้มีระบบการดูแลมากยิ่งขึ้น
เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า เป็นห่วง เห็นใจ เข้าใจถึงความยากลำบากในการทำงานของแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขทุกคน พยายามทำงานเพื่อประชาชนให้ดีที่สุดภายใต้ทรัพยากรของประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและ ผู้บริหารทุกคนได้เร่งแก้ปัญหา ทั้งการปฏิรูประบบบริการ แผนพัฒนากำลังคน เชื่อมั่นว่าระบบสุขภาพของประเทศจะดีขึ้น มีความสมดุลระหว่างผู้ให้บริการกับผู้รับบริการ
"เบื้องต้นได้วางแนวทางการแก้ปัญหา ในอนาคต 4 ข้อ คือ 1.มอบผู้ตรวจราชการ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ร่วมหารือจัดเวลาทำงานให้เหมาะสมตามสภาพของโรงพยาบาลและจำนวน ผู้ป่วยหรือปริมาณงาน 2.ให้ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลและผู้บริหารศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาดูแลให้คำปรึกษาน้องๆ แพทย์จบใหม่ อย่าให้รู้สึกโดดเดี่ยว ช่วยให้คำแนะนำเมื่อมีปัญหา รวมทั้งร่วมแก้ปัญหา 3.เร่งรัดจัดทำระเบียบช่วยเหลือเบื้องต้นกับบุคลากรที่ได้รับผลกระทบจากการให้บริการและเสนอให้มีระเบียบเยียวยาช่วยเหลือ และ 4.พัฒนาระบบฉุกเฉินให้มีแพทย์สาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉินดูแลในห้องฉุกเฉิน" ปลัด สธ.กล่าว
นพ.โสภณกล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนแพทย์มีมานาน และมีความพยายามจะแก้ไขปัญหามาโดยตลอด เมื่อ 20 ปีก่อน สัดส่วนแพทย์ 1 คน ต้องดูแลประชากรถึง 5,000 คน แต่ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขหน่วยงานในการดูแลประชาชน ในบางพื้นที่ต้องดูแลถึง 1:30,000 คน จึงต้องเร่งผลิตแพทย์เพิ่ม เกิดเป็นโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท โดยตลอด 23 ปีของโครงการ ช่วยเพิ่มการผลิตแพทย์เข้าสู่ระบบได้มากถึง 7,000 คน และยังคงปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาลชุมชน กระทรวงสาธารณสุข ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนแพทย์ต่อประชากรในภาพรวมดีขึ้นเป็น 1 ต่อ 1,900 คน และบางพื้นที่อาจ 1:10,000 คน แต่ยังไม่เพียงพอตามภาระงานและจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและประชาชนเข้าถึงระบบบริการได้มากขึ้นตามระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ล่าสุดได้เพิ่มการผลิตแพทย์ โดยในโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท เพิ่มจากปีละ 3,000 คนเป็นปีละ 3,200 คน คาดว่าใน 10 ปีข้างหน้าจะมีแพทย์ต่อประชากร 1 ต่อ 1,250 คน
นพ.โสภณกล่าวว่า นอกจากจะเพิ่มจำนวนแพทย์แล้วยังช่วยให้สัดส่วนต่อประชากรดีขึ้นมาก สิ่งที่ต้องตระหนักและให้ความสำคัญคือมาตรฐานการรักษา ตอบสนองความต้องการของสังคมด้านคุณภาพการรักษา สร้างความกดดันต่อระบบสาธารณสุข ต่อแพทย์ และวิชาชีพอื่นๆ ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลชุมชนอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพทย์จบใหม่ กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับแพทยสภาดูแลแพทย์กลุ่มนี้เป็นพิเศษ กำหนดให้มีหลักสูตรแพทย์เพิ่มพูนทักษะ เพื่อให้แพทย์จบใหม่ทุกคนในประเทศไทยผ่านหลักสูตรนี้เป็นระยะเวลา 1 ปี ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์พี่เลี้ยงและอาจารย์แพทย์ เพื่อประโยชน์แก่ตัวแพทย์เอง รวมถึงผู้ป่วยด้วย นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการเพื่อตรวจประเมินสถาบันและโรงพยาบาลฝึกอบรมแพทย์กลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด ทั้งในระดับเขตสุขภาพและในระดับโรงพยาบาลที่มีองค์กรแพทย์ ประกอบไปด้วยแพทย์และทันตแพทย์ทั้งโรงพยาบาล ร่วมกันดูแลแพทย์กลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้แพทย์จบใหม่ทุกคนมีทักษะ ประสบการณ์ ให้บริการประชาชนด้วยความมั่นใจ และจะร่วมหารือแพทยสภา ราชวิทยาลัย และคณะแพทย์ เพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ที่เหมาะสมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเชิญชวนร่วมงาน "คน สธ. นัดประชุมหารือเรื่องหมอบอล ขณะรักษาผู้ป่วยเสียชีวิต" โดยจะหารือกันในวันที่ 23 พฤษภาคม ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมมารวยการ์เด้นท์ |
| | |
|
|