'พีระศักดิ์'คาดรู้ผลสอบ 7 สนช.โดดร่ม 24 ก.พ. ด้านจริยธรรมมีเวลาสอบ 60 วัน 'พรเพชร'ชี้สมาชิกลา หยุด เป็นไปตามข้อบังคับการประชุม อ้างเห็น 'บิ๊กติ๊ก'มาสภาประจำ 'บิ๊กป้อม' เผยหลังรับฟังข้อเสนอปรองดองทุกกลุ่ม จะแถลงข้อสรุปผ่านทีวี 'วิโรจน์-ภูมิธรรม' นำเพื่อไทยร่วมเวที 'ปึ้ง'จวกยับป.ป.ช. ชงสนช.ถอดถอน กรณีพาสปอร์ต'แม้ว' เครือข่ายเยาวชนยื่นหนังสือปลัดสธ. ค้านย้าย 'หมอสมาน'
          คาดรู้ผลสอบ7สนช. 24 กพ.นี้
          วันที่ 20 ก.พ. ที่รัฐสภา นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 ให้สัมภาษณ์ว่านายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. มอบให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการจริยธรรม ตรวจสอบกรณีมีผู้ร้องขอให้ตรวจสอบการขาดประชุมสนช.ของสมาชิกสนช. 7 คน ซึ่งคณะกรรมการจริยธรรม สนช. จะเริ่มตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำหนังสือลาประชุมของทั้ง 7 คน รวมถึงความถูกต้องของคำร้องนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย คาดว่าขั้นตอนนี้น่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 24 ก.พ. เพราะข้อมูลทุกอย่างมีหลักฐานอยู่แล้ว
          นายพีระศักดิ์กล่าวว่าการทำงานของคณะกรรมการมี 2 ขั้นตอน ได้แก่ 1.สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นมีเวลา 30 วัน และ 2.การตรวจสอบจริยธรรมมีเวลา 60 วัน โดยจะเชิญทุกฝ่ายทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องมาให้ข้อมูลและชี้แจง คิดว่าประเด็นนี้ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด หากสุดท้ายผลตรวจสอบระบุว่าทั้ง 7 คนขาดประชุมสนช.เกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดจะมีผลให้ขาดสมาชิกภาพการเป็นสนช.ทันที และถ้ามีความผิดทางจริยธรรมจะต้องส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบต่อไป
          ส่วนที่มีสนช.บางคนเข้าประชุมและลงมติเพียงไม่กี่ครั้งทั้งที่มีการประชุมสนช.เพื่อลงมติมากกว่าร้อยครั้งถือว่าเป็นความผิดปกติหรือไม่ นายพีระศักดิ์กล่าวว่าต้องตรวจสอบข้อมูลของผู้ร้องว่าถูกต้องหรือไม่ เพราะ บางครั้งวันหนึ่งอาจมีการลงมติเพียงไม่กี่ครั้ง แต่บางวันอาจมีการลงมติในร่างกฎหมาย ฉบับเดียวกันหลายครั้ง จึงต้องดูเรื่องช่วงเวลาประกอบกันด้วย และเท่าที่ผ่านมาสมาชิก ทั้ง 7 คนเป็นข้าราชการที่มีภาระหน้าที่รับ ผิดชอบมาก บางคนแม้จะเกษียณไปแล้วแต่ยังมีส่วนร่วมลงพื้นที่ตามโครงการสนช.พบประชาชนด้วย
          พรเพชร'แจงอนุมัติลา-ไม่ง่าย
          ด้านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ให้สัมภาษณ์ถึงการสอบ 7 สนช.ว่า ตอนนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบขอให้รอ เพราะตนเพิ่งเซ็นคำสั่งเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ส่วนก่อนหน้านี้ตนระบุจะไม่มีการตั้งกรรมการสอบเนื่องจากตอนนั้นข้อมูลที่ไอลอว์ระบุ ตนตรวจสอบแล้วปรากฏว่ามีการลาโดย ครบถ้วนจึงบอกว่าไม่ต้องสอบแล้ว แต่ตอนนี้มีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องระบุเกี่ยวกับเรื่องจริยธรรมว่าการลานั้นชอบไม่ชอบ จึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบให้
          เมื่อถามว่านายศรีสุวรรณยื่นป.ป.ช.เรื่องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และระบุมีการอนุมัติการลาง่ายโดยไม่ไตร่ตรอง นายพรเพชร กล่าวว่าตนอนุมัติตามข้อบังคับและไม่ง่าย ข้อบังคับมีกรรมการร่างขึ้นมาตนต้องปฏิบัติตาม ทั้งที่บางข้อบังคับก็ไม่เห็นด้วย แต่ก็ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมสนช.มาแล้ว ดังนั้น ไม่มีอะไรที่ตนปฏิบัติไม่ถูกต้องตามข้อบังคับ เพียงแต่ใช้การเข้มงวดขึ้น สมาชิกเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมตนถึงต้องเข้มงวดตอนนี้ก็รู้แล้วว่าเป็นผลดี ส่วนที่บอกว่าตนอนุมัติง่ายๆ นั้นนายศรีสุวรรณไม่ได้มาลากับตน
          อุ้ม'บิ๊กติ๊ก'วันประชุมน่าจะครบ
          "ผมเข้มงวดมาก การลาป่วย 2 วันต้องยื่นใบรับรองแพทย์ด้วย ส่วนลากิจต้องลาไปปฏิบัติภารกิจของราชการ เรื่องที่ไปลงข่าวว่ามีการลาย้อนหลังนั้นมันไม่ใช่ มีเพียงลาป่วยที่คนจะป่วยไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ จึงต้องยื่นใบลาย้อนหลัง ส่วนลากิจต้องยื่นใบลาก่อนแล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ทันที ซึ่งไม่ได้ลา ย้อนหลัง" นายพรเพชรกล่าว
          เมื่อถามว่าการันตีได้หรือไม่ว่าที่ผ่านมาสนช.ทั้ง 7 คนทำงานแข็งขัน นายพรเพชรกล่าวว่าหลายคนที่รู้จักก็ทำงานอย่างแข็งขัน ต้องเข้าใจว่าสนช.ที่มีชื่อส่วนใหญ่เป็นข้าราชการประจำ ช่วงตรวจสอบซึ่งมีการลงมติไม่ใช่การไม่มาประชุม ดังนั้น ช่วงลงมติเมื่อสมาชิกติดภารกิจก็ต้องไป หลายคนจะ ขอลาในช่วงนั้น ซึ่งคนเหล่านี้ตนเห็นหน้า ในสภาเป็นประจำ ตอนนี้บางคนก็เกษียณ ไปแล้ว เช่น พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ตนก็พบพล.อ.ปรีชาเป็นประจำในสภา จึงคิดว่าสถิติของเขาคงโอเค ส่วนที่พล.อ.ปรีชาโดนเหตุเพราะใกล้ชิดนายกฯเป็นสาเหตุหรือไม่นั้น นายพรเพชรกล่าวว่าไม่ทราบ แต่ช่วงการลงมติที่ไอลอว์นำมาแฉ พล.อ.ปรีชาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม
          'ป้อม'ชี้แถลงสรุปปรองดองทางทีวี
          เวลา 09.00 น. ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร(วปอ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดหลักสูตรผู้นำพอเพียงเพื่อความมั่นคง รุ่นที่ 1 โดยมี พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผบ.สส. พร้อมผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพไทยเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
          พล.อ.ประวิตรกล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ประเทศอยู่ในห้วงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญยิ่ง เนื่องจากต้องเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชา ธิปไตยที่สมบูรณ์ตามโรดแม็ปที่ชัดเจน นายกฯในฐานะหัวหน้าคสช.ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีการเปลี่ยนโรดแม็ปและจะเดินไปตามนี้ และต้องมีการเลือกตั้งต่อไปในอนาคตเพื่อให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตย ที่ถาวรและมั่นคง ไม่มีการแบ่งกลุ่มเป็น 2 ฝ่าย เราพยายามทำในเรื่องปรองดองใน ทุกๆ ส่วน ทั้งพรรคการเมือง ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ นักวิชาการ ประชาสังคม
          รองนายกฯกล่าวว่า บางคนมองว่าเรื่อง การปรองดองจะทำได้แน่หรือไม่ ยังดีว่า เป็นแนวทางให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ตนทำใน 2 ระดับ ในระดับรัฐบาลและระดับกองทัพ คู่ขนานกันเพื่อให้ได้ข้อมูลว่าจะอยู่กัน อย่างไร ใน 10 ประเด็นที่ระบุไว้ซึ่งไม่จำเป็น ต้องลงนาม จะได้ดูว่าคนไหนที่เข้าใจและ คนไหนที่ยังไม่เข้าใจ เช่น เมื่อเลื่อกตั้งคน ที่ได้คะแนนมากให้จัดตั้งรัฐบาลเดี๋ยวก็มีคน ออกมา เดินขบวน จะต้องรู้ว่าการกระทำ ดังกล่าวนั้นผิดตามข้อตกลงร่วมกัน โดย เมื่อรับฟังข้อเสนอจากทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทุกภาคส่วนแล้ว จะสรุปแล้วออกทีวีเพื่อประกาศให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป
          ฮึ่มนปช.เปิดเวที-ท้า'จตุพร'คุย
          พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์กรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชา ธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ระบุหากการปรองดองของรัฐบาลใน 3 เดือน ไม่คืบหน้า นปช.จะเปิดเวทีคู่ขนานว่า ฝากบอกนายจตุพรด้วยว่าประเทศไทยต้องมีความก้าวหน้า เพราะเราวางแผนงานไว้แล้วจากการรับฟังข้อเสนอแนะจากตัวแทนพรรคและกลุ่มการเมือง มีคณะอนุกรรมการชุดที่ 2 และชุดที่ 3 สรุปความคิดเห็น ดังนั้น นายจตุพรไม่ต้องมาขู่ตนว่าจะมาสร้างม็อบจะมาต่อต้าน อยากให้หันมาร่วมมือกันพัฒนาและปฏิรูปประเทศ รวมทั้งช่วยกันวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีกันดีกว่า เราไม่ได้บอกว่าเราจะทำคนเดียว แต่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน รัฐบาลเปิดเวทีให้หมดทุกกลุ่มทุกฝ่าย ลงไปถึงระดับข้างล่างเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ ตนพูดแล้วว่าการปรองดองไม่ใช่มานั่งคุยและกอดคอกันแล้วมาถกเถียงกันจะมีประโยชน์อะไร ดังนั้น อยากให้มาวางมาตรการร่วมกันเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า
          เมื่อถามว่าหากนปช.จะเปิดเวทีสัมมนาปรองดองคู่ขนานเวทีรัฐจะมีมาตรการอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ตามใจ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ปลดล็อกให้ทำกิจกรรมทางการเมือง ดังนั้น อยากให้มาพูดกับตนดีกว่า สงสัยอะไรให้มาคุยกับตนได้ จะเอาอย่างไรก็พูดมา เพื่อทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า อย่าทำอะไรออกนอกกรอบ ถ้าทำผิดกฎหมายด้านการเมืองเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ อย่ามาคอยยุแหย่ให้เกิดความไม่เรียบร้อยในบ้านเมือง
          "ผมไม่แอบพบกับใคร ถ้าจะมาพบก็ให้มาแบบเปิดเผย สงสัยอะไรก็มาถามในฐานะ ที่ผมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งผมได้ทำหนังสือเชิญกลุ่มการเมืองไปหมดแล้ว ให้มาเสนอแนะแนวทางปรองดอง" รองนายกฯกล่าว
          จตุพรปัดตั้งเวทีคู่ขนาน
          นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. เฟซบุ๊กไลฟ์ กรณีพล.อ.ประวิตรเตือนเรื่องนปช.เปิดเวทีแข่งว่า ไม่ทราบว่าพล.อ.ประวิตรได้รับการสื่อสารการข่าวอย่างไร แต่การจัดเวทีทัศน์คุยเรื่องปรองดองจัดมาแล้ว 4 ครั้ง ตนตอบชัดเจนให้ความร่วมมือกับปรองดอง และตอบรับไปร่วมเวทีปรองดองทั้งที่ไม่เห็นเนื้อหา ยืนยันไม่ได้พูดว่าหากปรองดองไม่คืบหน้าจะเปิดเวทีแข่ง ไม่ทราบเอาข้อความนี้มาจากไหน ตนพูดว่า 3 เดือนจะครบในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นเวลาที่พี่น้องต้องอดทนในการสร้างชาติ ตนไม่เคยขู่ ส่วนจะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่คนรับผิดชอบ หน้าที่ตนและนปช.คือ ไม่เป็นอุปสรรค เพราะถ้าประเทศไม่มีปรองดองเลือกตั้งไปก็ไม่จบ ในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนนี้แต่ละฝ่ายควรหูหนัก ระมัดระวัง เพราะจะมีโอกาสกระทบกระทั่งกันง่าย ถ้าใช้ความเท็จแล้วยิ่งสร้างความ ร้าวฉานให้แผ่นดิน ตนยินดีจะคุยกับ พล.อ.ประวิตร ไม่มีปัญหา ขอให้บอกมา เวทีปรองดองก็จะไปตามนัด
          22 กพ.กลาโหมพักเวทีปรองดอง
          เวลา 13.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม ตัวแทนพรรคประชาธรรมและพรรคประชา ธิปไตยเพื่อประชาชนเข้าพูดคุยเพื่อหาแนวทางสร้างความสามัคคีปรองดอง ต่อคณะอนุกรรมการรับฟังความเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่มีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ส่วนพรรคประชาสามัคคีไม่ได้ส่งตัวแทนเข้ามา พูดคุย อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 21 ก.พ. ตัวแทนพรรคปฏิรูปไทย พรรคพลังคนกีฬา และพรรคเพื่อชีวิต จะเข้าร่วมให้ข้อเสนอแนะกับคณะอนุกรรมการ
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 22 ก.พ. จะไม่มีการเชิญพรรคเข้าร่วมให้ข้อเสนอแนะเนื่องจากคณะอนุกรรมการจะรวบรวมข้อมูลจากพรรคต่างๆ ที่มาให้ข้อเสนอแนะตั้งแต่วันที่ 14-21 ก.พ. เพื่อจัดทำข้อสรุปเบื้องต้นก่อน จากนั้นวันที่ 23 ก.พ.จะเชิญพรรคที่เหลือมาให้ข้อเสนอแนะและนำมาเป็นข้อสรุป ก่อนส่งให้คณะอนุกรรมการบูรณาการข้อคิดเห็นและเสนอแนะที่มีพล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผบ.สส. เป็นประธาน หากคณะอนุกรรมการ บูรณาการฯ ยังไม่ได้ข้อเสนอที่ชัดเจน จะประชุมกลุ่มย่อยให้เสร็จก่อนนำข้อสรุป ไปให้คณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่มี    พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. เป็นประธาน เพื่อจัดทำร่างสัญญาประชาคมต่อไป ขณะเดียวกันจะรับฟังความคิดเห็นในระดับพื้นที่คู่ขนานกันไปด้วย
          'นิกร'ชูรายงานปรองดองชุดบิ๊กบัง
          ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดรับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองว่า ต้องให้คณะทำงานชุดที่ 1 คือคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อความปรองดองดำเนินการให้เรียบร้อยก่อน ตนยังไม่ได้สั่งการและยังไม่ได้ประชุมหารือเพื่อกำหนดกรอบการปฏิบัติระดับจังหวัด     แต่กระทรวงมีแนวทางจะให้ผู้ว่าฯและระดับที่ต่ำกว่าผู้ว่าฯจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนแน่นอน
          นายนิกร จำนง สมาชิกสปท.ด้านการเมืองกล่าวว่า ตนได้จัดทำเอกสารเป็นความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาขัดแย้งและการสร้างปรองดองทางการเมืองเพื่อเสนอต่อนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะอนุกมธ.พิจารณาศึกษารวบรวมความเห็น วิเคราะห์ และสังเคราะห์ประเด็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการสร้างความปรองดองทางการเมือง ของสปท. โดยสนับสนุนให้นำผลสรุปในรายงานของกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่มีพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นประธาน ที่ค้นพบปัญหาใจกลางของความขัดแย้งที่ฝ่ายหนึ่งยึดถือประชาธิปไตยเสียงข้างมาก อีกฝ่ายยึดถือประชาธิปไตยแบบคุณธรรม
          ปรับใช้ข้อเสนอคอป.-หมอประเวศ
          นายนิกรกล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่จะให้นำเอาหลักวิชาการเกี่ยวกับความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านและความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ ซึ่งเป็นผลสรุปจากคอป.ที่มีนายคณิต ณ นคร มาศึกษา และปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากนั้น ยังเสนอให้นำหลักการสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขาของนพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส มาปรับใช้ เพราะขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นเจ้าภาพใหญ่สร้างปรองดอง โดยมีป.ย.ป.เป็นส่วนที่สองของสามเหลี่ยม ยังขาดสามเหลี่ยมส่วนที่สามคือ การมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนที่เป็นเครือข่าย ซึ่งต้องรีบสร้างเพราะเป็นส่วนสำคัญในการเขยื้อนภูเขาแห่งความขัดแย้งออกไป และสร้างปรองดองขึ้นทดแทน
          นายนิกรกล่าวว่า ตนขอเรียกร้องให้ร่วมกันสร้างสภาวะดีที่พึงประสงค์ของประเทศจากฝ่ายการเมือง ส่วนราชการ องค์กรต่างๆ และประชาชนทุกภาคส่วนที่ขัดแย้งกัน
          พท.ยันร่วมถกปรองดอง
          นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ในวันที่ 21 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น. แกนนำพรรคจะประชุมหารือถึงแนวทาง ตัวบุคคล รวมทั้งกำหนดวันที่จะไปร่วมหารือกับคณะอนุกรรมการรับฟังความเห็นฯต่อไป ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะมีความชัดเจนในทุกเรื่อง และจะแถลงให้ทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ยืนยันว่าพรรคจะไปร่วมพูดคุยอย่างแน่นอน เราไม่ต้องการเป็นอุปสรรคของการสร้างสามัคคีปรองดอง ซึ่งกรอบการหารือที่คณะอนุกรรมการส่งมารวม 10 หัวข้อนั้น พรรคจะเสนอหลักการ และแนวทางสร้างความปรองดองเพิ่มเติมจากที่อนุกรรมการส่งมาด้วย เพื่อให้เกิดความครอบคลุมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น เบื้องต้นจะมีพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคและตนเข้าร่วมหารืออย่างแน่นอน
          นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวยืนยันว่าพรรคจะส่งตัวแทนไปร่วมด้วยอย่างแน่นอน ทั้งนี้ หากมีความจริงใจ อยากเห็นบ้านเมืองเกิดความสงบเดินหน้าไปได้ ทุกฝ่ายต้องหาข้อยุติร่วมกัน หากต้องถอยคนละก้าวก็ต้องยอม คงไม่มีใครได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการทั้งหมด พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายถูกกระทำโดยตลอด ความเป็นธรรมมีให้กับเราหรือไม่
          'ปึ้ง'โต้ออกพาสปอร์ตแม้ว
          นายสุรพงษ์ยังให้สัมภาษณ์หลังเดินทางมาตรวจสอบเอกสารหลักฐานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่ชี้มูลความผิดส่งเรื่องให้สนช.ลงมติถอดถอน ฐานออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยมิชอบ เมื่อครั้งเป็นรมว.ต่างประเทศ
          นายสุรพงษ์กล่าวว่า การออกหนังสือ เดินทางตามระเบียบว่าด้วยการออกหนังสือ เดินทางของกระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ.2548 เป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของปลัดกระทรวงและอธิบดีกรมการกงสุล อีกทั้งกระบวนการไต่สวนคดีของป.ป.ช.ไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประการ เช่น ไม่ยินยอมให้ผู้ถูกกล่าวหาสำเนาเอกสารหลักฐานเพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งปี 2559 ตนยื่นหนังสือไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร แต่มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการจึงไม่มีความคืบหน้า จึงขอให้ป.ป.ช.ชะลอการไต่สวนคดีไปก่อน แต่ป.ป.ช.ยังเดินหน้าพิจารณาคดีและชี้มูลความผิดในที่สุด
          นายสุรพงษ์กล่าวว่า จากนี้จะต่อสู้คดี 3 ประการ ได้แก่ 1.พิสูจน์ให้เห็นว่าป.ป.ช.ไม่ยึดมั่นในกฎหมายและรัฐธรรมนูญเสียเอง 2.การพิจารณาคดีนี้ ป.ป.ช.ก็มีปัญหาเรื่องการขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง ซึ่งเคยยื่นเรื่องให้ประธานสนช.พิจารณาแล้ว 3.จะใช้เวทีของสนช.พิสูจน์ความจริงว่าหากการพิจารณาคดีไม่เป็นไปตามกฎหมายแล้วความสมานฉันท์และความปรองดองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ตนเป็นคนที่ 5 จะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง จากนี้จะเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างที่ป.ป.ช.ทำผิดกฎหมาย จะสู้อย่างถึงที่สุดเพื่อแสวงหาความยุติธรรม
          กรธ.ส่งกม.ลูก2ฉบับถึงกกต.
          ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กล่าวว่า คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ได้จัดส่งร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต.และร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาให้กกต.เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อ ขอความคิดเห็น ซึ่งกกต.มอบสำนักงานรวบรวมความคิดเห็นของกกต.ก่อนส่งกลับกรธ. เบื้องต้นกรธ.ไม่กำหนดเวลาว่าจะต้องส่งกลับไปเมื่อใด ขณะเดียวกัน เข้าใจว่าสนช.ได้รับร่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับเช่นกันและคงจะศึกษารายละเอียดของร่างฉบับเต็ม หากสนช.ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกกต.ก็ยินดีจะให้ข้อมูล ส่วนประเด็นที่กกต.ยืนยันกลับไปยังกรธ. เป็นประเด็นที่กรธ.จะให้มีผู้ตรวจการเลือกตั้งแทนกกต.จังหวัด หากกรธ.ยังยืนยันเช่นเดิม กกต.ได้เตรียมแนวทางไว้แล้ว แต่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นแนวทางปราบปรามการทุจริตเลือกตั้งได้หรือไม่
          นายสมชัยกล่าวว่า ส่วนประเด็นคุณสมบัติของกกต.นั้น เห็นว่าเป็นคุณสมบัติของกรรมการองค์กรอิสระโดยรวมไม่ใช่แค่กกต. ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญและป.ป.ช.น่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ดังนั้น ถ้ากกต.จะมีความเห็นก็เป็นความเห็นโดยรวมมากกว่า
          มท.อยู่ระหว่างสอบ2สนช.
          นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ระบุมีผู้ว่าฯ 22 คนเกี่ยวข้องกับการทุจริตการจัดซื้อยาฆ่าแมลง และนายกฯเคยใช้มาตรา 44 ไล่ผู้ว่าฯออกไป 2 คน นายอำเภอ 10 กว่าคน และข้าราชการอีกร้อยกว่าคน แต่มีผู้ว่าฯ 2 คนที่เป็นสนช. คืออดีตผู้ว่าฯมุกดาหารที่มีการจัดซื้อจัดจ้างวงเงิน 811 ล้าน และอดีตผู้ว่าฯเลย วงเงิน 305 ล้านบาท กลับไม่ถูกดำเนินการใดๆ ว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยที่จ.มุกดาหาร ยังไม่ชัดเจน เพราะยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ หากมีหลักฐานขอให้ส่งหลักฐานมา เพื่อเราจะได้ดำเนินการ เพราะทุกอย่างต้องตรวจสอบตามขั้นตอนและกระบวนการ
          เครือข่ายเยาวชนค้านย้ายหมอสมาน
          ที่กระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายยุวทัศน์ กรุงเทพมหานคร เครือข่ายเยาวชนจังหวัดศรีสะเกษ สมาพันธ์การศึกษาทางเลือกแห่งประเทศไทย สภานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย และเครือข่ายสภานักเรียนแห่งประเทศไทย นำโดยนายเมธชนนท์ ประจวบลาภ รองเลขาธิการเครือข่ายยุวทัศน์ ยื่นหนังสือถึงนพ.โสภณ เมฆธน ปลัดสาธารณสุข ให้ทบทวนคำสั่งย้ายนพ.สมาน ฟูตระกูล จากผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไปเป็นผอ.สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และย้ายนพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผอ.สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง มาเป็นผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอกอฮอล์แทน โดยมีนพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับมอบ
          นายเมธชนนท์กล่าวว่า การโยกย้ายครั้งนี้เชื่อว่ามีบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามามีบทบาท ส่วนที่มีกระแสว่าโดนย้ายเพราะ ถูกตรวจสอบภายในนั้น ขอให้เปิดเผยว่า เรื่องอะไร ส่วนนพ.นิพนธ์เครือข่ายมองว่าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขอให้ปลัดกระทรวงทบทวนและยกเลิกคำสั่งทันที หากไม่ยกเลิกทางเครือข่ายจะประเมินผลการทำงานหลังจากนี้ 3 เดือนว่าผลการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นอย่างไร
          ด้านนพ.สมาน ฟูตระกูล กล่าวว่า ภายหลังเครือข่ายเยาวชนยื่นหนังสือได้แวะมาหาตน ชี้แจงว่าต้องย้ายตามระบบราชการ แต่ไม่ได้ไปไหนเพราะงานใหม่ก็มีความสัมพันธ์กับงานควบคุมเครื่องดื่มแอกอฮอล์อยู่แล้ว ทุกอย่างมีเป้าหมายเพื่อช่วยคุ้มครองเยาวชน เมื่อได้พูดคุยกันทางเครือข่ายก็มีท่าทีที่ดีขึ้น
          นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช กล่าวว่า แม้ตนจะไม่เชี่ยวชาญในเรื่องกฎหมาย แต่จะพยายามศึกษาให้เต็มที่ มีทีมกฎหมายดูแลอยู่แล้ว และจะเน้นการทำงานร่วมกับเครือข่ายต่างๆ หากเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุราจะขอเข้าพบก็ยินดีเพราะต้องทำงานร่วมกัน