Follow us      
  
  

ไทยโพสต์ [ วันที่ 17/07/2560 ]
สว.ไม่ควรมองข้าม ดูแลสุขภาพของผม

 ประโยชน์ของเส้นผมมีมากมาย ทั้งช่วยป้องกันรังสียูวี รวมถึงสร้างความมั่นใจขณะออกงานสังคม ซึ่งหากคนหลัก 4 หลัก 5 ปล่อยปละละเลยในการเอาใจเส้นผม อาจต้องมานั่งเสียใจทีหลังก็เป็นได้ เนื่องจากการปล่อยให้ผมร่นขึ้นไปเพียง 1-2 นิ้ว จะส่งผลให้บุคลิกดูมีอายุขึ้นมาทันตาเห็น พักยกเรื่องอายุไว้เพียงเท่านี้ ในงาน "Inter Care Asia 2017" พญ.เบญจวรรณ บุตรวงศ์ ผู้อำนวยการ "เมดิเรนคลินิก" ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลเส้นผม-หนังศีรษะ รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับคนวัย 40 อัพไว้น่าสนใจ
          พญ.เบญจวรรณบอกให้ฟังว่า "เส้นผมของมนุษย์เราจะมีขนาดแตกต่างกันตามเชื้อชาติ เช่น หากเป็นคนแอฟริกัน เส้นผมจะมีลักษณะใหญ่และหยิกหยักศก ส่วนคนเอเชียจะมีลักษณะผมตรง ส่วนคนยุโรปจะมีผมเส้นเล็กละเอียด โดยปกติแล้วแต่ละคนจะมีเส้นผมบนหนังศีรษะอยู่ที่ประมาณ 1 แสน-5 หมื่นเส้น และใน 1 เดือนผมจะยาวขึ้นประมาณ 2-3 เซนติเมตร ที่สำคัญผมด้านหน้าจะมีความหนาแน่นน้อยกว่าผมท้ายทอย นอกจากนี้ ผู้ที่อยู่ในช่วงวัยหมดประจำเดือนนั้นจะมีลักษณะเส้นผมที่ค่อนข้างแห้งกว่าคนวัยหนุ่มสาวที่มีผมมันเป็นหลัก เนื่องจากต่อมไขมันทำงานมากเป็นพิเศษ
          ขณะที่ "วงจรเส้นผม" ของแต่ละคนนั้น ในระยะเวลา 3-7 ปี คิดเป็นร้อยละ 90% ที่ผมจะสามารถงอกขึ้นเองได้ และโดยปกติแล้ว เส้นผมราว 1 แสนเส้นของเรา จะรอร่วงอยู่ที่ประมาณ 9 หมื่นเส้น หรือคิดเป็นอัตราส่วน 9:1 ซึ่งแปลว่าถ้า ใน 1 วันนั้น ผมร่วงเกินวันละ 100 เส้น ถือว่าผิดปกติ ส่วน "ปัจจัยที่ทำให้ผมร่วง" ได้แก่ 1."การหวีผมบ่อยๆ" จะทำให้เส้นผมถูกดึงรั้งและร่วง ที่สำคัญการแปรงหนังศีรษะถี่เกินไปจะไปขัดสี (Cuticle) ที่เคลือบเส้นผมให้หลุดร่วง จึงทำให้เกร็ดของเส้นผมแยกตัวออก ทำให้ขาดง่ายและไม่แข็งแรง 2."เส้นผมลดจำนวนลงในคนอายุ 50 ปีขึ้นไป" คิดเป็น 10-20%
          3."ความเครียด" เป็นสาเหตุของผมร่วงได้เช่นกัน ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์อยู่ที่ร้อยละ 10-20 ที่เกิดขึ้นระหว่างผมเตรียมรอที่จะร่วง หากมีปัจจัยความเครียดเข้ามาก็จะทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเส้นผมหดตัว กระทั่งเกิดปัญหา
          ดังกล่าว 4."ความเครียดและความเหงา" ที่เกิดขึ้นในช่วงวัยเกษียณ ก็เป็นสาเหตุผมร่วง ผมบางได้เช่นกัน เนื่องจากคนไข้จะชอบดึงผมเมื่อมีเวลาว่างจากที่เคยทำงานประจำ และจะดึงมากขึ้นเรื่อยๆ หากรู้ซึมเศร้าจากการไร้งาน หากเป็นมากๆ ก็อาจเข้าข่ายโรคทางจิตเวช 5."การรัดผมตึงตลอดเวลา" และติดต่อกันหลายสิบปี ก็เป็นสาเหตุผมบางเช่นเดียวกัน
          ขณะที่ "การรักษาภาวะผมร่วง"หมอจะแยกตามสาเหตุ เช่น หากเกิดจาก "กรรมพันธุ์" ก็จะแก้ด้วยการให้ยา หรือ"การฉีดฮอร์โมน" ซึ่งเป็นการรักษาที่พบบ่อยสุด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน รวมถึงผู้ชายวัยทองเอง ที่อาการผมร่วงจะค่อนข้างเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะบริเวณที่ใส่หมวก นอกจากการให้ "ยาวิตามิน" รับประทานเพื่อกระตุ้นการงอกของเส้นผม และการใช้ "แฮร์โลชั่น" เพิ่มเส้นผมดกดำ และ "การยิงแสงเลเซอร์" ที่มีมากว่า 10 ปี ก็ถือว่าได้ผลในระดับหนึ่ง เพราะช่วยกระตุ้นการงอกของรากผมให้เจริญเติบโต จากการใช้รังสีเพื่อสร้างสมดุลให้กับเส้นเลือดฝอย ส่งเลือดเลี้ยงเส้นผมได้อย่างทั่วถึง ทำให้ผมแข็งแรง ซึ่งมีทั้งในรูปแบบของการหูฟัง, ใส่หมวก เป็นต้น
          นอกจากนี้ยังมี "การฉีดสเต็มเซลล์" ซึ่งการรักษาผมร่วงด้วยวิธีนี้ แพทย์จะนำเลือดของคนไข้มาปั่น แล้วนำไปฉีดที่หนังศีรษะของคนผมร่วงก็จะได้ผลค่อนข้างดี โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่แพ้ค่อนข้างง่าย หรือจะใช้วิธี "การเก็บเซลล์ไขมันมาปั่น" แล้วนำไปฉีดที่บริเวณผมร่วง ผมบาง เพื่อกระตุ้นการงอก ก็สามารถทำได้เช่นกัน ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ "การปลูกย้ายเซลล์รากผม" โดยแพทย์จะทำการย้ายเซลล์ผม (ดึงมาทั้งเส้น) บริเวณท้ายทอยที่ค่อนหนา มาปลูกยังบริเวณที่หนังศีรษะบาง ซึ่งวิธีนี้ก็ค่อนข้างได้ผลดี เพราะเป็นการใช้เส้นผมที่แข็งแรงมาปลูกถ่าย
          เข้าสู่การเลือก "แชมพูและครีมนวด" ให้เหมาะกับหนังศีรษะ อันดับแรก ส่วนประกอบของ "แชมพู" ทั่วไปนั้นประกอบด้วย 1.น้ำยาล้างสิ่งสกปรก 2.สารทำให้เกิดฟอง 3.สารทำให้แชมพูหนืดข้น 4.สารที่ทำให้แชมพูไม่เป็นตะกรันหรือคราบติดผม 5.น้ำหอม 6.วิตามินอีและวิตามินบี ที่ทำให้ผมนุ่มสลวย และเติมโปรตีนให้กับเส้นผม ประเภทของแชมพู จะประกอบด้วย 1.Basic shampoos (แชมพูสำหรับคนทั่วไป) 2.Oily hair shampoos (แชมพูสำหรับคนผมมัน) 3.Dry hair shampoos (แชมพูสำหรับคนผมแห้ง) 4.Conditioning shampoos (แชมพูผสมครีมนวด) 5.Baby shampoos (แชมพูเด็ก) 6.Medicated shampoos (แชมพูที่เป็นยารักษาเส้นผม) 7.Professional shampoos (แชมพูที่คิดค้นสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม) 8.Special shampoos (แชมพูสูตรพิเศษ) ขณะที่ "ครีมนวดผม" จะประกอบด้วย 1.สารเคลือบเส้นผม ทำให้ผมนุ่มลื่น 2.สารลดไฟฟ้าสถิต ช่วยเส้นผมไม่พันกัน 3.สารบรรเทาความเสียหายของเส้นผม เพิ่มความแข็งแรงให้เส้นผม
          ดังนั้น การเลือกแชมพูสำหรับคนวัยหมดประจำเดือนที่ค่อนข้างมีปัญหาผมแห้ง เพราะร่างกายจะผลิตเซลล์ไขมันน้อยลง แนะนำว่าควรเลือกแชมพูที่เป็นสูตรอ่อนโยน หรือ สูตรสำหรับผมแห้ง รวมถึงแชมพูผสมคอนดิชั่นเนอร์ก็ได้เช่นเดียวกัน เพราะในยาสระผมดังกล่าวจะมีส่วนประกอบของสาร "ไดเมทิโคน" ซึ่งจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบนหนังศีรษะไม่ให้เจริญเติบโต
          ส่วนผู้สูงอายุที่มีผมบางไม่ควรใช้แชมพูสำหรับผมแห้ง เพราะจะมีส่วนผสมของ "สารโพลีเมอร์" ที่จะทำให้เส้นผมยิ่งลีบแบน ขณะที่คนสูงวัยที่มีปัญหาแพ้ง่ายก็ควรเลือกแชมพูสำหรับเด็กที่ปราศจากการใส่น้ำหอมจะดีที่สุด และมีสารชำระล้างที่ดีต่อหนังศีรษะเช่นเดียวกับเด็ก ปิดท้ายกันที่ "การเลือกครีมนวดคนวัยหมดประจำเดือน" เนื่องคนวัยเลข 5 เลข 6 นั้นจะมีสภาพเส้นผมค่อนข้างยาวช้าและมีผมหงอก ควรใช้ครีมนวดเท่าที่จำเป็น ถ้าเป็นไปได้การเลือกครีมนวดที่มีราคาสูงขึ้นมาหน่อย ก็จะป้องกันหนังศีรษะได้ทางหนึ่ง เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเลือกใช้สารเคมีที่ค่อนข้างมีคุณภาพ จึงลดอันตรายจากการใช้ลงได้.

 pageview  1204488    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved