สธ.เตือนพบป่วย"งูสวัด"เพิ่ม 10% เหตุสภาพอากาศเปลี่ยน-ประชาชนภูมิคุ้มกันลดลง และพักผ่อนให้เพียงพอ
สถาบันโรคผิวหนัง กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ออกประกาศเตือนสถานการณ์ โรคงูสวัดว่า ขณะนี้มีการพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น จากวันที่ 1 ม.ค.-15ก.พ.ที่ผ่านมา 10% เนื่องจากเป็นช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงทำให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันต่ำลง จากการเก็บข้อมูลของสถาบันโรคผิวหนังในแต่ละปี จะพบผู้ป่วย 700-800 ราย
พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ อธิบายว่าอาการของงูสวัดจะแบ่งเป็น 3 ระยะ คือระยะแรกจะมีไข้ต่ำ ปวดเมื่อย ปวดแสบปวดร้อนตามร่างกาย ระยะที่ 2 จะมีผื่นและเป็นตุ่มแดงขึ้นก่อนกลายเป็นตุ่มน้ำพองใส และระยะ 3 จะมีการเรียงตัวของผื่นตามแนวเส้นประสาทและที่พบบ่อยจะเป็นบริเวณไขสันหลังข้างใดข้างหนึ่งบริเวณใบหน้า
ในกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำมาก อาทิ ผู้ป่วยโรคเอดส์ โรคมะเร็ง มีโอกาสสูง ที่จะเกิดโรคได้ทั้ง 2 ข้างของแนว เส้นประสาท และอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน เช่น มีอาการปอดอักเสบ ร่วมด้วยและทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ส่วนตำแหน่งที่น่ากลัวของการป่วยโรคงูสวัด คือ บริเวณแนวเส้นประสาทที่เลี้ยงใบหน้า เพราะอาจทำให้ตาบอดได้ อย่างไรก็ตามการเป็นงูสวัดถือเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ควรไปตรวจเช็กร่างกายเพิ่มเติมเพราะ อาจมีความเสี่ยงเป็นโรคเอดส์ มะเร็ง และที่พบส่วนใหญ่คือร่างกายอาจเกิดความเครียดจัด
สำหรับวิธีป้องกัน คือทำร่างกายให้ แข็งแรง หมั่นออกกำลังกาย และ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ในกลุ่มเด็กเล็กให้ฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใส เพราะโรคงูสวัด 99% เกิดจากการเชื้อไวรัสตัวเดียวกัน |