เรื่องเล่าข่าวสุขภาพ | สมรรถภาพร่างกาย | สุขภาวะทางจิต | สุขภาพกับความงาม | สื่อกับสุขภาพ | สมุนไพรเพื่อสุขภาพ | ธรรมะกับสุขภาพ






ความเครียดจากการเมือง



 

กลุ่มอาการเครียดจากการเมือง ( Political Stress Syndrome : PSS ) ไม่ใช่โรค ที่เกิดจากปัญหาทางสุขภาพจิต แต่เป็นปฏิกิริยาของอารมณ์และจิตใจ ที่เกิดขึ้น กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่มีความสนใจปัญหาทางการเมือง ติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด หรือ เอนเอียงไปทางกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จนทำให้มีอาการทางกาย จิตใจ และกระทบต่อสัมพันธภาพกับผู้อื่น ที่สำคัญคือความคิดคาดการณ์ที่นำไปสู่ความรู้สึกวิตกกังวล หรือกังวลต่อเหตุการณ์ในอนาคต (anticipatory anxiety) เช่น

กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงเฉกเช่นอุบัติการณ์ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นพฤษภาทมิฬ มหาวิปโยคสิบสี่ตุลาหนึ่งหก (14 ต.ค 2516) เหตุการณ์รุนแรงในวันที่ 6 ตุลาคม 2518 เป็นความหวั่นวิตกที่แฝงอยู่ในใจคนส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะคนที่คลั่งไคล้การเมือง คอยติดตามข่าวสารและได้รับข้อมูลการวิเคราะห์เจาะลึกอยู่เนือง ๆ ทั้งข้อมูลที่ผ่านและไม่ผ่านการกลั่นกรองอุบัติการณ์ 1 ใน 4 ของประชากร ขณะนี้มีปัญหาสุขภาพจิต

ลักษณะกลุ่มอาการ

1. อาการทางกาย


  - บุคคลที่มีความเสี่ยง

     1. กลุ่มนักการเมือง
     2. กลุ่มสนับสนุนทั้ง 2 ฝ่าย
     3. กลุ่มผู้ติดตาม
     4. กลุ่มผู้สนใจข่าวสารการเมือง
     5. กลุ่มผู้มีปัญหาสุขภาพจิต- ปวดศีรษะ, ปวดกล้ามเนื้อ, ตึงบริเวณขมับ,ต้นคอ หรือตามแขน ขา

  - นอนไม่หลับ, หลับๆตื่นๆ หรือหลับแล้วตื่นกลางคืนไม่สามารถหลับต่อได้
  - ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติทั้งที่อยู่ในสภาพปกติ
  - หายใจไม่อิ่ม อึดอัดในช่องท้อง
  - แน่นท้อง ปวดท้อง อึดอัดในช่องท้อง
  - ชา ตามร่างกาย

2. อาการทางใจ

  - วิตกกังวล ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา
  - หงุดหงิดง่าย โกรธ ฉุนเฉียว ก้าวร้าว
  - เบื่อหน่าย ท้อแท้ หมดหวัง สิ้นหวัง รู้สึกไม่มีทางออก
  - สมาธิไม่ดี ฟุ้งซ่านหรือหมกมุ่นมากเกินไป

3. ปัญหาพฤติกรรมและสัมพันธภาพกับผู้อื่น

  - มีการโต้เถียงกันกับผู้อื่น หรือแม้แต่บุคคลในครอบครัวโดยใช้อารมณ์ตั้งแต่ปานกลาง ถึงรุนแรง
    โดยไม่สามารถยับยั้งตนเองได้
  - มีความคิดที่จะตอบโต้โดยใช้กำลังในการเอาชนะ
  - มีการลงมือทำร้ายร่างกายเพื่อตอบโต้
  - มีการเอาชนะทางความคิดกับคนที่เคยมีสัมพันธภาพที่ดีมาก่อนจนทำให้เกิดปัญหาด้านสัมพันธภาพ
    อย่างรุนแรง

หากมีอาการเหล่านี้ในทั้ง 3 กลุ่มอาการ แนะนำให้ปฏิบัติ ดังนี้

  1. หันเหความสนใจไปเรื่องอื่น
  2. ลดความสำคัญของปัญหาลงมาชั่วขณะ ให้ความสำคัญกับเรื่องเร่งด่วน ตามหลักอื่นๆบ้าง
  3. หาทางระบายออกโดยเลือกผู้ที่มีแนวคิดใกล้เคียงกัน
  4. ออกกำลังกายและพักผ่อน
  5. ฝึกวิชาผ่อนคลายตัวเอง เช่น
    - ฝึกสติและสมาธิ
    - ฝึกโยคะ
    - ฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เช่น การกำหนด ลมหายใจเข้า - ออก
  6. หันหาวิธีการที่ทำให้สงบ อาจจะใช้ศาสนามาช่วยขัดเกลาจิตใจ เพื่อปล่อยวาง

ซึ่งอาการดังกล่าวจะหายไปได้เอง เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง หรือละความสนใจในเรื่องอื่นบ้าง หากมีอาการทั้งหมดเกินกว่า 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาหรือจิตแพทย์

ศึกษาความรู้เพิ่มเติมหรือขอรับบริการปรึกษา ได้ที่


- www.dmh.go.th
- คลินิกคลายเครียด ในสถานบริการสุขภาพจิตทั่วประเทศ
- โทรศัพท์สายด่วน 1323 รวม 17 คู่สาย ในกรณีที่สายไม่ว่างหรือติดต่อไม่ได้ ให้ฝากข้อความได้ที่
  โทรศัพท์อัตโนมัติ หมายเลข 1667 (140 คู่สาย)
- บริการให้การปรึกษาผ่านระบบอิเลคโทรนิก (msn) ทาง e-mail address :
  counseling_sty@hotmail.com จันทร์ - ศุกร์ (16.00 – 24.00 น.) และ เสาร์ - อาทิตย์
  (08.00 – 24.00 น.)











ขอขอบคุณที่มา : กรมสุขภาพจิต  
                          http://www.thaimental.com/modules.php
                          ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต





 













 












หน้าแรก | เกี่ยวกับแผนงาน | เครือข่ายและกิจกรรม | ผลผลิตและรายงาน | ข้อมูลสถิติ | การจัดการความรู้ | หน่วยงาน | ติดต่อแผนงาน | เจ้าหน้าที่ดูแลระบบ
แนะนำแผนงาน | ข่าวกิจกรรม | เกาะติดกิจกรรมเด่น | หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | ผลผลิตและรายงาน| รายงานสุขภาพ| ก้าวใหม่กับ HISO | สถานการณ์สุขภาพประเทศไทย
การวิเคราะห์สถานการณ์สุขภาพ | สถานการณ์ข่าวสุขภาพ | เรื่องเล่าข่าวสุขภาพ | สื่อข้อมูลสุขภาพ | แบบสำรวจสุขภาพ | webbord | คำถามที่พบบ่อย | สมุดเยี่ยมชม | บริการข้อมูล