เรื่องเล่าข่าวสุขภาพ | สมรรถภาพร่างกาย | สุขภาวะทางจิต | สุขภาพกับความงาม | สื่อกับสุขภาพ | สมุนไพรเพื่อสุขภาพ | ธรรมะกับสุขภาพ






คอมพิวเตอร์ โทรมือถือ ไมโครเวฟ-กับสุขภาพวัยทำงาน





 

                                                                                                  นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล

คุณผู้อ่านเคยสังเกตไหมว่า ถ้าบางครั้งโทรศัพท์ด้วยเครื่องมือถือนานไปหน่อย จะมีอาการร้อนบริเวณใบหน้า และบางทีปวดจี๊ดๆเข้าไปในรูหู


ผมเคยมีผู้ป่วยรายหนึ่ง เธอเป็นนักพัฒนาที่ดิน ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน เธอพัฒนาที่ดินผืนใหญ่ให้กลายเป็นรีสอร์ตหรู ตลอดเวลาหนึ่งปี เธอต้องสั่งงานด้วยโทรมือถือโดยตลอด คนขับรถก็ขับไป เธอก็สั่งงานโดยยึดเอารถที่นั่งอยู่เป็นออฟฟิศ ผลปรากฏว่าในเช้าวันหนึ่ง เธอตื่นขึ้นด้วยอาการปวดใบหน้าไปตลอดแถบ จากขากรรไกรไปโหนกแก้ม ร้าวไปขมับ และปวดไปถึงปลายคาง

“คุณเป็นโรคปวดประสาทใบหน้า” ประสาทแพทย์มือดีบอกเธอ เธอได้รับยากินรักษาไปรอบแล้วรอบเล่า และต้องหมุนเวียนจากแพทย์คนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง อาการก็เป็นๆหายๆ สุดท้ายมารับการฝังเข็ม ซึ่งก็ช่วยเธอระงับอาการได้ระดับหนึ่ง แล้วเธอก็มาบอกผมในวันหนึ่งว่า

“พี่รู้แล้วละ เจ้าอาการของพี่เนี่ย มันจะกำเริบขึ้นทุกครั้งที่พี่โทรมือถือ และอย่าหาว่าพี่ประสาทนะ แม้ว่าพี่จะไม่ใช่โทรมือถือก็ตาม แต่ถ้าพี่นั่งอยู่ข้างๆเพื่อน แล้วโทรมือถือของเพื่อนดังขึ้น พี่ก็จะปวดประสาทขึ้นมาทันที”

จากวันนั้นเธอก็ลองไม่ใช้โทรมือถืออีกเลย อาการก็ดีขึ้นอีกอักโข ผมให้เธอใช้อัญมณีหรือคริสตัลบำบัด โดยให้เธอไปปรึกษากับ อ. มล. อัคนี นวรัตน ซึ่งท่านเป็น มือวางอันดับหนึ่ง ของวิชาคลื่นพลังบำบัดใน
เมืองไทย และเธอพบว่า “อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยพี่ได้มาก คือการฝึกชี่กงค่ะ”

เรื่องของพลังแม่เหล็กโลกและพลังแม่เหล็กไฟฟ้ามีผลกระทบกับสุขภาพ ชักจะเป็นเรื่องจริงจังขึ้นทุกทีในโลกสมัยนี้ ถ้าใครจะจำได้ เมื่อสัก 10 ปีที่แล้ว มีผู้หญิงคนหนึ่งในสหรัฐฯ เธอป่วยเป็นโรคเนื้องอกสมอง แล้วเธอก็เป็นบุคคลแรกที่ลุกขึ้นมาฟ้องร้องบริษัทโทรศัพท์มือถือที่อเมริกา โดยกล่าวหาว่า โทรมือถือที่เธอใช้ เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอเป็นโรคเนื้องอก แม้ว่าท้ายที่สุด เธอไม่อาจชนะคดีดังกล่าว เพราะศาลถือว่ายังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะโยงระหว่างมือถือกับการเกิดเนื้องอก แต่นั่นน่าจะเป็นเงื่อนงำให้คนเริ่มแคลงใจในเครื่องมือถือที่พกติดตัวอยู่ ซะแล้ว ว่ามิใช่เพื่อนที่ซื่อสัตย์ซะทีเดียว และน่าจะเป็นจุดเริ่มของการวิจัยชิ้นต่อๆมาติดตามมา

มีข้อแคลงใจมานานแล้วว่า สนามแม่เหล็กโลก สนามไฟฟ้า และรังสีอื่นๆ มีผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบต่อสุขภาพของคนเราได้ สนามที่ไม่ดีก็ก่อให้เกิดความเครียดที่เรียกว่า Geopathic stress หรือ ความเครียดจากพลังปฐพี มันทำให้เกิดตั้งแต่อาการปวดหัวไมเกรน มึนงง นอนไม่หลับ ปวดข้อรูมาตอยด์ ไปจนถึงมะเร็ง (บำบัดโรคด้วยการแพทย์ทางเลือก รีดเดอร์สไดเจสท์ ประเทศไทย จำกัด 2544) เรื่องนี้คนจีนก็เชื่อเรื่องพลังปฐพี จึงเกิดมีวิชาฮวงจุ้ย ซึ่งว่าด้วยวิธีจัดวางวัตถุและสิ่งก่อสร้าง เช่นบ้าน เครื่องเรือน ถนน และแอ่งน้ำให้ได้ทิศทางที่เหมาะสม

ศาสตร์เรื่องพลังปฐพีบอกว่า มีเส้นพลังที่พื้นโลกเรียกกันว่า ley lines เป็นแนวพลังที่สัมพันธ์กับทางไหลของน้ำใต้ดิน หรือเส้นพลังของผลึกสินแร่ใต้พื้นโลก รวมถึงเส้นแรงแม่เหล็กโลก เกิดเป็นผลลัพท์ทำให้บางที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย บางทีไม่เหมาะ คนยุโรปโบราณสามารถหาแหล่งน้ำใต้ดินได้ ด้วยการใช้ไม้สามง่าม วางบนฝ่ามือแล้วใช้จิตกำหนดให้ไม้นั้นตอบสนองเมื่อเดินไปถึงจุดที่มีแหล่งน้ำใต้ภิพภ

มาในสมัยนี้การที่เราสร้างบ้านเรือนเป็นเมืองสมัยใหม่ มีโครงสร้างที่ผูกเหล็กไว้เป็นจำนวนมาก แถมมีทางรถไฟ ทางรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน มีสายไฟฟ้าแรงสูงแรงต่ำพาดผ่านไปมา แล้วก็นำเอาเครื่องอิเล็กทรอนิกส์มาไว้ในบ้าน หุงหาอาหารด้วยเตาไมโครเวฟ ใช้เครื่องเป่าผมที่แม่เหล็กตัดกับขดลวดไฟฟ้า แถมนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละหลายๆชั่วโมง แล้วก็ยังมือถือที่ใช้กันอย่างไม่บันยะบันยังอีกด้วย เหตุฉะนี้ทำให้ ley lines อาจถูกกระทบไม่อยู่ในแนวทางที่มันควรจะเป็นอย่างธรรมชาติ ทำให้การใช้ชีวิตในเมืองเกิดภาวะ เครียดจากพลังปฐพี เกิดอาการเจ็บป่วยตั้งแต่น้อยไปหามาก

มันอาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้า ความดันเลือดสูง ภูมิต้านทานตกต่ำ บางคนทำงานได้ครึ่งวัน ก็เกิดอาการ ช็อตพลังงานไปเสียเฉยๆ เรียกกันว่าอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง บางคนบ้านหมุนโดยไม่ปรากฏสาเหตุ ส่วนที่ปวดตึงต้นคอ มึนขมับ ทุกทีที่นั่งหน้าคอมฯ ก็เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ

เราอาจสังเกตด้วยว่า เมื่อเราปลีกวิเวกไปอยู่กับธรรมชาติสักหลายๆวัน เราจะสุขสบายขึ้น เมื่อไม่นานมานี้มีงานวิจัย 2 ชิ้นที่น่าสนใจว่าด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสัมพันธ์กับการเกิดโรค ชิ้นหนึ่งทำในสหภาพยุโรปโดย Franz Adkofer เขาพบว่าคลื่นโทรศัพท์มือถือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับเซลล์ ทำให้ดีเอ็นเอซึ่งเป็นรหัสพันธุกรรมเสียหาย ทั้งนี้คลื่นแม่เหล็กที่ใช้ในการทดสอบมีความเข้มระหว่าง 0.3-2 วัตต์/กิโลกรัม (Specific Absorption Rate-SAR) เทียบเท่ากับ 0.5-1 วัตต์/กิโลกรัมของโทรศัพท์มือถือ เขากล่าวว่า “นี่จะเป็นเพียงการศึกษาภายในห้องแล็บเท่านั้น ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมกว่านี้ แน่นอนว่าเราไม่ได้ต้องการสร้างกระแสความตื่นตระหนก แต่ถ้าคนเราจะรู้จักกันไว้ก่อนก็น่าจะดี”

ขณะนี้ประมาณกันว่ายอดขายโทรศัพท์มือถือทั่วโลกในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 650 ล้านเครื่อง และมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านคนทั่วโลก

งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งเป็นผลงานของศ.นพ.สุรพล อิสรไกรศีล สาขาโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นการศึกษา case control study ศึกษาปัจจัยเสี่ยงที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว จำนวน 185 ราย เทียบกับกลุ่ม control 766 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่รับไว้ในโรงพยาบาล



ผลเปรียบเทียบเป็นดังนี้คือ




ปัจจัย จำนวนผป.ลิวคีเมีย (%) กลุ่มควบคุม (%)
ใช้โทรศัพท์มือถือ 35 (19%) 110 (14%)
สัมผัสกับเครื่องแม่เหล็กไฟฟ้าในบ้าน 69 (37%) 232 (30%)
พักอาศัยอยู่ใกล้สายไฟฟ้าแรงสูง 12 (6%) 37 (5%)
อาชีพที่ใช้หรือสัมผัสกับสารเบนซิน 9 (5%) 11 (1%)
ใช้หรือสัมผัสกับสารเคมีอื่น 16 (9%) 38 (5%)
อาชีพที่ใช้หรือสัมผัสกับยาฆ่าแมลง 36 (19%) 67 (9%)
สัมผัสกับยาฆ่าแมลงที่ใช้ในบ้าน 63 (34%) 237 (31%)
มีประวัตครอบครัวที่เป็นมะเร็ง 32 (17%) 113 (15%)


สรุปผลการศึกษาคือ ประวัติครอบครัวที่เป็นมะเร็งไม่พบความสัมพันธ์กับมะเร็งเม็ดเลือดขาว การใช้โทรมือถือไม่มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งตรงกันข้ามกับงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่เดนมาร์กพบว่า ผู้ที่ใช้มือถือนานกว่า 3 ปีขึ้นไป มีความสัมพันธ์กับโรค

การอาศัยอยู่ในบริเวณเสาไฟฟ้าแรงสูง การมีโอกาสสัมผัสกับอุปกรณ์ภายในบ้านที่เป็นคลื่นแม่เหล็กเช่นเครื่องเป่าผม คอมพิวเตอร์ เตาไมโครเวฟ พบว่ามี ปัจจัยเสี่ยงสูงอย่างมีนัยสำคัญ โดยสัมพันธ์กับโรคลิวคีเมียชนิด AML

การใช้ยาฆ่าแมลงในงานอาชีพ การใช้ยาฆ่าแมลงในบ้าน ก็มีความสัมพันธ์กับมะเร็งเม็ดเลือดขาวอย่างมีนัยสำคัญเช่นเดียวกัน

เรื่องการป้องกันคลื่นเหล่านี้มีเยอะแยะ ตั้งแต่การใช้มือถือเฉพาะเมื่อจำเป็น และใช้สายฟังแทนการแนบกับศีรษะ ใช้โทรศัพท์ธรรมดาแทนทุกโอกาสที่เป็นไปได้ วางคริสตัลไว้ตำแหน่งต่างๆในสำนักงานและห้อยคริสตัลประจำกาย ส่วนเรื่องไฮเทคเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อนผมคนหนึ่งกลับมาจากสหรัฐฯพร้อมกับนำเอาจี้ห้อยคอเส้นหนึ่ง ซึ่งพวก Alternative medicine ในอเมริกาได้ประดิษฐ์ขึ้นมาเป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า Sympathetic resonance technology บอกว่าใช้ป้องกันสนามแม่เหล็กไฟฟ้ารอบตัวได้ เขามาทดลองให้ผมดูโดยเปรียบเทียบว่าเมื่อคนเรามือถือซึ่งกำลังแขนจะอ่อนล้าลง ครั้นเมื่อสวมจี้ตัวนี้ไว้ คลื่นมือถือก็ปกป้องกำลังแขนได้ น่าแปลกใจดีเหมือนกัน ผมวิจารณ์ว่าวิธีของเขายังขาดตัวเลขชี้วัดที่แน่นอน แต่เขาบอกว่ามีเครื่องมือวัดสนามแม่เหล็กได้ ผมจึงส่งเขาไปหามือวางอันดับหนึ่ง มล.อัคนี นวรัตน ปรากฏท่านยอมรับว่า “น่าจะมีผลปกป้องคุ้มครองได้พอสมควร”











ขอขอบคุณที่มา : http://webboard.mthai.com
                          ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต





 













 












หน้าแรก | เกี่ยวกับแผนงาน | เครือข่ายและกิจกรรม | ผลผลิตและรายงาน | ข้อมูลสถิติ | การจัดการความรู้ | หน่วยงาน | ติดต่อแผนงาน | เจ้าหน้าที่ดูแลระบบ
แนะนำแผนงาน | ข่าวกิจกรรม | เกาะติดกิจกรรมเด่น | หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | ผลผลิตและรายงาน| รายงานสุขภาพ| ก้าวใหม่กับ HISO | สถานการณ์สุขภาพประเทศไทย
การวิเคราะห์สถานการณ์สุขภาพ | สถานการณ์ข่าวสุขภาพ | เรื่องเล่าข่าวสุขภาพ | สื่อข้อมูลสุขภาพ | แบบสำรวจสุขภาพ | webbord | คำถามที่พบบ่อย | สมุดเยี่ยมชม | บริการข้อมูล