ตรวจพบผู้ขับขี่ร้อยละ 2.25 ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
และร้อยละ 28.9 ไม่สวมหมวกนิรภัยในช่วงสงกรานต์ 2555
ส่วนใหญ่สาเหตุการเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร เกิดขึ้นเพราะผู้ขับหลายรายยังไม่เข้าใจและรักษากฏกติกามารยาทในการขับขี่รถบนถนน และที่สำคัญคือ หลายคนยังไม่สนใจต่อความปลอดภัยในขณะใช้รถใช้ถนน ทั้งนี้เพราะผู้ใช้รถส่วนใหญ่ไม่ปฏิบัติตามกฏหมายจราจรที่กำหนดให้ผู้ขับขี่ต้องใช้อุปกรณ์นิรภัยในขณะขับรถ
ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการใช้มาตรการการสวมหมวกนิรภัยและคาดเข็มขัดนิรภัย เป็นมาตรการหนึ่งในการดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงและช่วยรักษาชีวิตผู้ที่ใช้รถใช้ถนนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลหยุดยาวอย่างเช่นสงกรานต์ ซึ่งมีการดำเนินการเน้นหนักมากกว่าวันอื่นๆ
ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่ปีนี้จำนวนผู้ที่ฝ่าฝืนการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่คาดเข็มขัดนิรภัยลดลงจากปีที่แล้ว จากจำนวนผู้ขับขี่รถยนต์ที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ร้อยละ 2.72 ในปี 2554 ลดลงเหลือ 2.25 ในปี 2555 ส่วนจำนวนผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซด์ที่ไม่สวมหมวกนิรภัยมีจำนวนร้อยละ 32.59 ในปี 2554 ลดลงเหลือ ร้อยละ 28.9 ในปี 2555 (ดังภาพ)
ภาพที่ 1 แสดงพฤติกรรมเสี่ยงที่เกิดจากการไม่สวมหมวกนิรภัยและไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 7 วันอันตรายเปรียบเทียบระหว่างปี 2554 กับ 2555
ที่มา : สรุปรายงานผลการปฏิบัติงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศการสงกรานต์ 2555 ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2555 อ้างใน http://www.roadsafetythailand.com/main/files/data1/songkran55/data_170455/report7.pdf
อย่างไรก็ตาม แม้ไม่ใช่ช่วงเทศกาลหยุดยาวอย่างช่วงสงกรานต์หรือปีใหม่ แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน ก็ควรสวมใส่หมวกกันนิรภัยและคาดเข็มขัดขณะขับรถ เพราะการสวมหมวกนิรภัยสามารถช่วยลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บที่ศรีษะได้ถึง 3 เท่า และเข็มขัดนิรภัยจะช่วยป้องกันผู้ขับรถไม่ให้ศรีษะ หน้า และหน้าอกกระแทกพวงมาลัยและกระจกหน้า รวมทั้งป้องกันไม่ให้ตัวคนหลุดออกจากรถ ซึ่งจะทำให้ผู้ขับขี่มีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าอยู่ในรถถึง 6 เท่า
| 
