Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 04/05/2555 ]
'ฮอต'ปรอทแตก 'ฮีตสโตรก'มัจจุราชหน้าร้อน

   "ร้อนตับจะแตก"
          สภาพอากาศในประเทศไทยช่วงนี้อาจทำให้หลายคนบ่นด้วยวลีฮิต

ติดปากข้างต้นข้อมูลจากองค์การนาซา ระบุโลกปีนี้ร้อนสุดในรอบ 100 ปี
          อุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง ได้สร้างความผวาให้กับ

ผู้คนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเหตุไฟลุกไหม้ใต้ดินที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่ง

ก็ทำให้คนในพื้นที่และชาวไทยทั่วประเทศ แปลกใจและวิตกกังวลอยู่ไม่น้อย

จากนั้นก็มีเหตุการณ์ร้อนๆ เกิดขึ้นอยู่อีกเรื่อยๆ อาทิ ร้อนจนไฟลุกไหม้สาย

ไฟฟ้า สายโทรศัพท์ สายเคเบิล ริมถนนสายพิษณุโลก-หล่มสัก จ.พิษณุโลก,

ร้อนจนโอ่งแตกที่ จ.ราชบุรี
          แต่ที่น่าสลดคือ ชายชราที่นอนเสียชีวิตอยู่ในบ้านที่เป็นเพิงสังกะสี

และร้อนจนกระทั่งเสียชีวิตที่ จ.อ่างทอง
          ล่าสุด นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง

สาธารณสุข ได้ออกมากำชับให้สาธารณสุขทุกจังหวัดทั่วประเทศ เฝ้าระวัง

และเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนจัด

ซึ่งถือว่ามีโอกาสเสี่ยงต่อการช็อกตาย ด้วยอาการที่เรียกว่า "ฮีตสโตรก

(HEAT STROKE)" ได้ฮีตสโตรกคืออะไร? อาการร้อนตายนั้นเป็นแบบไหน?
          เรื่องเหล่านี้ล้วนจำเป็นที่เราจะต้องทำความเข้าใจให้มาก ทั้งนี้ ก็เพื่อ

ที่จะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองและคนรอบข้าง ให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลก

"ร้อนๆ" ใบนี้ต่อไปได้

          อาจารย์นายแพทย์ศักดา อาจองค์ วัลลิกร อาจารย์ประจำภาควิชา

เวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยา บาลรามาธิบดี อธิบายถึงอาการฮีตสโตรกว่า เมื่อ

มีอากาศที่ร้อนจัด ประมาณ 41 องศาเซลเซียสขึ้นไป สำหรับคนที่ร่างกาย

ไม่ค่อยแข็งแรง ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว หากใช้เวลาอยู่ในแดดนานๆ

ก็อาจจะเกิดอาการช็อกหรือฮีตสโตรกได้
          มักจะพบในผู้ที่มีร่างกายไม่แข็งแรงและผู้ที่มีโรคประจำตัว เพราะไม่

สามารถปรับตัวตามสภาพอากาศที่ร้อนจัดได้
          "ช่วงนี้อุณหภูมิสูง ความร้อนของอากาศก็สูงขึ้นมาก อากาศข้างนอก

ก็จะร้อนตาม ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน โดยปกติหากเราร้อนเข้ามากๆ จะ

ปรับตัวด้วยการอาบน้ำ ดื่มน้ำ หรือวิธีการอื่นๆ หากคนที่เคยอยู่ในห้องแอร์

ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอก หากร่างกายไม่สามารถปรับอุณหภูมิได้ อาจช็อก

โดยฉับพลันได้"
          อาจารย์หมออธิบายให้ฟังว่า เมื่อมีอุณหภูมิสูงถึง 41 องศาเซลเซียส

ร่างกายมนุษย์จะเริ่มมีปัญหา เมื่อได้รับความร้อนมากๆ เซลล์ก็จะเกิดการ

แตกสลาย ตามด้วยกล้ามเนื้อจะเกิดการสลายตัว ระบบความรู้สึกเองจะเริ่ม

ผิดปกติ เกิดอาการมึนงง เหม่อลอย เม็ดเลือดแดงและกล้ามเนื้อก็จะมีการ

แตกตัว ส่งผลให้เกิดอาการไตวาย เป็นมากขึ้นอาจทำให้เส้นเลือดในร่างกาย

เกิดการขยายตัว เมื่อความดันโลหิตต่ำ ก็จะเกิดอาการช็อก ซึ่งเสียชีวิตได้
          สำหรับอาการเตือนของฮีตสโตรก อาจารย์นายแพทย์ศักดาบอกว่า

เริ่มจากอากาศที่ร้อนจัด จากนั้นผู้ป่วยก็จะค่อยๆ ซึมจนถึงขั้นเป็นลม เหมือน

กับอาการเป็นลมทั่วไป และอาจจะมีอาการชักบ้างเล็กน้อย ถ้าไม่ได้รับการ

รักษาก็จะเสียชีวิตได้
          หากรู้ว่ามีอาการในลักษณะดังกล่าว การรักษาเบื้องต้นต้องปลดเสื้อ

ผ้าของผู้ป่วยออก เพื่อให้อากาศภายในร่างกายได้ถ่ายเท จากนั้นให้นอนราบ

และจำเป็นต้องมีการเช็ดตัวเพื่อให้เกิดการระบายความร้อน แล้วรีบส่งโรง

พยาบาลโดยเร็ว
          ระยะนี้ช่วงเวลา 11.00-15.00 น. ไม่ควรออกไปเผชิญแดด หากจำ

เป็นต้องออกกลางแดด ก่อนออกก็ควรดื่มน้ำสัก 4-5 แก้ว ใส่เสื้อผ้าที่มีความ

บาง เพื่อให้มีการระบายอากาศ ควรมีหมวก ร่ม แว่นกันแดด และทุกๆ 1

ชั่วโมง ควรดื่มน้ำ 1-2 แก้ว
          "ผู้ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และเด็ก

อยากจะขอให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีอากาศร้อนจัด อย่างภายในรถที่จอดไว้เป็น

เวลานาน หรือบ้านที่อากาศไม่ถ่ายเท และช่วงนี้อยากให้พยายามปรับตัวให้

เข้ากับอากาศ สำหรับผู้ที่ทำงานอยู่ในแดดร้อนอยู่แล้ว ก็หาวิธีป้องกันให้ได้

มากที่สุด"  อาจารย์นายแพทย์ศักดากล่าวกรณีที่มีผู้เสียชีวิตจากอากาศร้อน

ในช่วงนี้ หลายคนโยงไปถึงอาการ "ฮีตสโตรก"
          แต่จะเกี่ยวข้องกันหรือไม่นั้น นายแพทย์ พรเทพ ศิริวนารังสรรค์

อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ชี้แจงไว้ว่า ที่ผ่านมาในประเทศไทย ยังไม่พบผู้

เสียชีวิตจากอากาศร้อนตาย ซึ่งจากกรณีที่มีการเสียชีวิตในระยะนี้ ส่วนหนึ่ง

มาจากอากาศร้อน แต่หากว่าอากาศร้อนไม่ใช่ประเด็นหลักที่ทำให้เกิดการ

เสียชีวิต เพราะว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะมีโรคประจำตัว หรือไม่ก็ร่างกายไม่

แข็งแรง
          "ฮีตสโตรกส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเมืองหนาว เราเป็นประเทศที่อยู่ในเขต

ร้อนชื้น ซึ่งสามารถปรับตัวได้ง่ายกว่าเมื่อเจออากาศร้อน เราก็จะไม่ค่อยพบ

เจอเรื่องนี้บ่อย ฉะนั้น คนที่มีร่างกายแข็งแรงแล้วตายเพราะลมแดดนั้น จึงไม่มี

หากมีก็น้อยมาก
          "การที่มีประชาชนตายในช่วงนี้ เรามักจะให้สาเหตุการตายจากความ

ร้อนน้อย แต่เขาตายก็เพราะมีโรคเรื้อรัง สิ่งเหล่านี้ก็เหมือนกับเขามีพื้นฐาน

การเจ็บป่วยมาก่อน เมื่อมีอากาศร้อนมากๆ และขาดน้ำก็เลยช็อกและเสีย

ชีวิต"นายแพทย์พรเทพกล่าว
          อธิบดีกรมควบคุมโรคอธิบายเพิ่มเติมว่า ฮีตสโตรกเป็นอาการที่เกิด

ขึ้นจากความร้อนจัด จนร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ทัน เนื่องจากขาดน้ำใน

เลือด สมองไม่สามารถกำหนดอุณหภูมิตัวเองได้ เมื่อเกิดอาการร้อนจึงถึงที่

สุด ร่างกายก็จะหยุดทำงาน สาเหตุนี้มักจะเกิดจากประเทศที่มีอากาศเย็น

เพราะประชาชนปรับตัวอยาก
          ส่วนการเสียชีวิตที่มีกระแสข่าวออกมาในช่วงเวลานี้ ก็ไม่มีการ

วินิจฉัยว่าเกิดจากลมแดด แต่เป็นหัวใจวาย เลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง หากเกิด

จาก ฮีตสโตรก ก็ต้องไม่มีเหตุนำอย่างที่กล่าวมา ทุกรายที่เสียชีวิตก็จะมีการ

ดูว่ามีโรคอะไรติดตัวมาบ้าง ซึ่งสาเหตุที่ตายก็ไม่ใช่เพราะแดด แต่หากเป็น

โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดสมองโป่ง และก็มีบางรายที่ไปดื่มสุรา

แล้วไปทำงานกลางแจ้ง จึงเกิดความเสี่ยง
          จากการตรวจสอบผู้เสียชีวิตทุกราย พบว่ายังไม่มีผู้เสียชีวิตเพราะ

"ฮีตสโตรก"
          "ช่วงนี้เราจะแนะนำให้ประชาชนดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 10 แก้ว

หากมีการออกกำลังกายก็ต้องดื่มเกลือแร่ และไม่ควรดื่มสุรา ยิ่งช่วงนี้อากาศ

ร้อนมากๆ หากมีการดื่มและออกไปกลางแจ้ง ก็อาจจะเป็นลมสลบได้ ระยะนี้

ร้อนมากก็อาบน้ำ จะทำให้ร่างกายปรับตัวได้ง่ายขึ้น
          "กรมควบคุมโรคเป็นห่วงเรื่องดังกล่าวมาก และช่วงนี้ก็มีความ

พยายามทำความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการประชาสัมพันธ์

ผ่านสื่อต่างๆ และมีสาธารณสุขทุกจังหวัดทั่วประเทศช่วยบอกเตือน

ประชาชนว่า ควรจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เมื่ออยู่ในช่วงที่มีอากาศร้อนเช่นนี้

ซึ่งการประชาสัมพันธ์ก็แค่ส่วนหนึ่ง เพราะที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับประชาชนว่า

จะปฏิบัติตามหรือไม่"นายแพทย์พรเทพกล่าว
          แม้ยังไม่มีผู้เสียชีวิตเพราะอาการฮีตสโตรก แต่ก็ไม่ควรประมาท

ประชาชนควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด
          ดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงไว้เพราะไม่มีใครรู้ว่าอากาศร้อนแทบ

"ปรอทแตก" ในช่วงนี้ "มัจจุราชเงียบ" อย่าง "ฮีตสโตรก" จะมาเยือนเมื่อใด

 pageview  1210912    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved