|
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 05/05/2555 ] |
|
|
|
|
ภาวะสมองขาดเลือดเฉียบพลัน |
|
|
|
|
โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดซึ่งทำหน้าที่ส่งผ่านเลือดไปเลี้ยงสมอง อาจเป็นได้ทั้งการตีบ อุดตัน หรือฉีกขาด ส่งผลให้เกิดภาวะสมองขาดเลือดและมีก้อนเลือดกดทับสมองอยู่ ซึ่งก่ออันตรายถึงขั้นเสียชีวิตหรือทุพพลภาพได้
นพ.ฤกษ์ชัย ตุลยาภรณ์โชติ ผู้เชี่ยวชาญในสาขาประสาทวิทยา ด้านหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคในกลุ่มประสาทวิทยาที่พบบ่อยที่สุดโรคหนึ่ง เกิดจากความเสื่อมสภาพสะสมของเซลล์ในร่างกายที่กำหนดโดยยีน ซึ่งเริ่มตั้งแต่ช่วงวัย 20 ปี และจะแสดงอาการชัดเจนในช่วงวัย 50 ปี โดยการดำเนินของโรคนั้น ขึ้นกับปัจจัยภายนอกที่จะเข้าไปเร่งให้การเสื่อมสภาพเร็วขึ้น อาทิ ลักษณะนิสัยการกิน สภาพแวดล้อม ความดันโลหิต การดื่มสุรา หรือการสูบบุหรี่
จากรายงานในปี 2542 พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองในประเทศไทยถึง 44,587 คน ซึ่งสาเหตุใหญ่ของความพิการและเสียชีวิตของผู้ป่วย ก็เนื่องจากการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรับมือกับอาการที่เกิดอย่างปัจจุบันทันด่วน
อาการที่ใช้เป็นข้อสังเกตว่า สมองขาดเลือดไปเลี้ยง คือการชาตามแขนขา ใบหน้า หรือร่างกายซีกใดซีกหนึ่ง มีการสื่อสารบกพร่องสับสน เห็นภาพซ้อน ตาพร่า ทรงตัวลำบาก วิงเวียนและปวดหัวโดยไม่มีสาเหตุ ในบางรายที่รุนแรงมาก อาจเป็นลมหมดสติได้
การแสดงออกทางร่างกายที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและระดับความรุนแรงของสมองส่วนที่ขาดเลือด ประกอบกับปัจจัยเสี่ยงจากโรคประจำตัวของคนไข้ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หรือความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจและลิ้นหัวใจร่วมด้วย ฉะนั้น การวินิจฉัยเพื่อกำหนดวิธีการรักษาจึงต้องให้ความสำคัญกับองค์ประกอบทั้งหมด
โดยทั่วไปเมื่อคนไข้มาด้วยภาวะสมองขาดเลือดเฉียบพลัน ถ้าอาการเกิดยังไม่ถึง 4.5 ชั่วโมง แพทย์อาจจะพิจารณาให้ยาละลายลิ่มเลือด (T-PA) เพื่อสลายก้อนเลือดที่อุดตัน แต่ด้วยความเสี่ยงต่อผลร้ายที่อาจตามมาจากการใช้ยาละลายลิ่มเลือดในผู้ป่วยบางกลุ่ม ทำให้บางกรณีแพทย์ก็จำเป็นต้องตัดสินใจงดยานี้ทั้งที่ยังอยู่ในช่วงเวลาที่สามารถให้ได้
ข้อห้ามที่จะให้ยาละลายลิ่มเลือดประการหนึ่งคือ เรื่องขนาดของการ Stroke เพราะยิ่งเราเห็นว่า Strokes ใหญ่เท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายสำหรับการให้ยาละลายลิ่มเลือดมากขึ้นเท่านั้น
ลักษณะแบบนี้ การรักษาที่เหมาะสมคือ เราต้องผ่าตัดเพื่อยกกะโหลกศีรษะออก โอกาสที่ผลการรักษาจะออกมาดีก็มีมากขึ้น อีกประการหนึ่งคือ Stroke ขนาดใหญ่สามารถมีเลือดออกมาเองได้ การให้ T-PA จึงอาจทำให้เลือดไหลไม่หยุด แต่ระหว่างนั้น เราก็รักษาคนไข้ด้วยวิธีอื่นไปด้วย เช่น ให้ยาบางตัว หรือให้นอนยกหัวสูงเพื่อลดสมองบวม
|
| | |
|
|