เมื่อวันที่ 15 เมษายน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า มีมติอนุมัติตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เสนอ อนุมัติ 38,105 อัตรา 24 สายงาน ตามที่เสนอมาโดยมีเงื่อนไข ดังนี้ ให้ยกคนกลุ่มเดิมที่ทำงานอยู่แล้วเป็นข้าราชการ โดยการสอบคัดเลือก ผลจากการยกคนกลุ่มนี้เป็นข้าราชการ จะทำให้ไทยมีอัตราแพทย์เต็มตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ และห้ามใช้เงินเดิมไปบรรจุคนใหม่ การจะบรรจุอัตราว่างได้นั้น ต้องเป็นตำแหน่งอื่นที่จำเป็น ไม่ได้อยู่ในสายงาน 24 สายงานที่ได้รับการบรรจุไป เช่น แพทย์แผนไทย ต้องทดลองปฏิบัติราชการตามปกติ ถ้าไม่ผ่านก็ไม่ได้บรรจุ ในส่วนอายุราชการนับย้อนได้แต่ไม่นำมาคิดเวลาเพื่อรับบำนาญ จะมีการทยอยบรรจุ 3 รุ่น คือ รุ่นเดือนพฤษภาคม สิงหาคม พฤศจิกายน ทั้งนี้ การบรรจุก่อน 1 ตุลาคม ทำให้ต้องใช้งบกลางปี 2563
          น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า การจัดสรรอัตราข้าราชการให้นักศึกษาแพทย์และทันตแพทย์จบใหม่ 2,792 อัตรา จากที่ขอ 7,579 อัตรา ส่วนเภสัชกร พยาบาลและนักวิชาการสาธารณสุข 4,787 อัตรา ให้ทำแผนเสนออีกครั้ง และให้เงินพิเศษ 2,700 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มปฏิบัติงานตรง เช่น แพทย์ พยาบาล 1,500 ต่อเดือน ถึงเดือนกันยายน และกลุ่มสนับสนุน 1,000 ต่อเดือน ถึงเดือนกันยายน และให้โควต้าพิเศษ 2 ขั้น อายุราชการทวีคูณ ไม่อยู่ในเกณฑ์ตามกฎหมาย ตามกฎหมายจะระบุให้เฉพาะ ตอนประกาศกฎอัยการศึกเท่านั้น ขณะเดียวกับลดดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษของ ธนาคารกรุงไทยและธนาคารออมสิน และจ่ายเงินช่วยบุคลากรที่ติดเชื้อ ตามเกณฑ์กระทรวงการคลังกำหนด รวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์จะได้รับบริจาคการทำประกันสุขภาพแล้ว 320,000 กรมธรรม์ สำหรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่รัฐมอบให้บุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข ยังมอบให้แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ ของสังกัดอื่นด้วยเช่น ตำรวจ ทหาร มหาวิทยาลัย ท้องถิ่น สายแพทย์ที่เกี่ยวกับโควิด-19 อีกด้วย