กรุงเทพธุรกิจ ขณะที่ นพ.สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่าผู้สูงอายุไทยในประเทศไทยจากการศึกษาวิจัย พบว่ามีเพียง 5% เท่านั้นที่มีกำลังในการซื้อ หรือเข้าถึงระบบบริการเทคโนโลยีชั้นสูงในการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่ตนเอง ส่วนอีก 90 กว่า% ยังต้องการความช่วยเหลือในหลายด้าน เนื่องด้วย ผู้สูงอายุในไทยไม่มีเงินออม และรัฐไม่ได้มีกำลังเพียงพอในการสนับสนุน ดังนั้น การดูแลสุขภาพ และการเสริมสร้างทักษะ การพยายามนำเรื่องของธนาคารเวลา จิตอาสา สร้างเครือข่ายก่อนเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อย่างเต็มรูปแบบมีความสำคัญ" นอกจากการสร้างนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ การอบรมเสริมอาชีพจะมีความจำเป็นใน การสร้างผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพแล้ว เรื่องที่อยู่อาศัยก็สำคัญไม่ต่างกัน เพราะผู้สูงอายุของไทย อยากอยู่บ้าน อยู่ถิ่นฐาน ชุมชน อยู่กับครอบครัวมากกว่าไปอยู่ในสถานที่ ดูแลผู้สูงอายุ
ผศ.ดร.อันธิกา สวัสดิ์ศรี คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่าจากการศึกษา พบว่าผู้สูงอายุ ต้องการอยู่ที่บ้าน ชุมชนของตนเองมากกว่าจะไปอยู่ที่อื่น หรือสถานดูแล ดังนั้น การจะทำให้ผู้สูงวัยมีคุณภาพได้ ส่วนหนึ่งต้องทำให้พวกเขาสามารถอยู่ใน ถิ่นของตนเองได้
"ต้องมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ในการดูแลผู้สูงอายุ อย่างในกลุ่มผู้สูงอายุ ที่มีกำลังซื้อ ฐานะดีอาจปรับบ้านเป็นสมาร์ทโฮม มีระบบในการดูแลผู้สูงอายุครบวงจร หรือมีการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ออกแบบเพื่อคนทุกช่วงวัย แต่ถ้าในกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่ได้มีรายได้ ควรจะมีการดูแลในระบบทางไกลมากขึ้น เติมทรัพยากรบุคคล อย่าง อสม. ให้เข้ามา ช่วยเติมเต็มระบบสาธารณสุข ต้องมีแพลตฟอร์มในการรองรับ และควรจะการเพิ่มรายได้ในบ้านของตนเอง หรือประกอบการอาชีพในบ้าน เช่น เปิดร้านขายของชำ หรือ ชุมชนมีการ เปิดให้ผู้สูงอายุได้ทำงาน เป็นต้น" ผศ.ดร.อันธิกา กล่าว |