|
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 28/10/2563 ] |
|
|
|
|
วิจัยชี้มลพิษทางอากาศเอี่ยวดับโควิด |
|
|
|
|
หนังสือพิมพ์คุณภาพเพื่อคุณภาพของประเทศวารสารการวิจัยเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดผลการวิจัยที่ตีพิมพ์เผยแพร่ล่าสุดใน
ต่างประเทศ * กีฬาหัวใจโดยผู้เชี่ยวชาญจากเยอรมนีและไซปรัสสรุปว่า ผลกระทบจากมลพิษทางอากาศมีส่วนให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น โดยการเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศเป็นเวลายาวนาน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกถึงราว 15%
ทั้งนี้ ได้มีการศึกษาเปรียบเทียบข้อมูลทางด้านสุขภาพ รวมถึงโรคที่เกิดขึ้นซึ่งเกี่ยวเนื่องกับมลพิษทางอากาศ อาทิ โควิด-19 และซาร์ส ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดปัญหารุนแรงในปอด มาพิจารณาร่วมกับข้อมูลจากดาวเทียมของพื้นที่ที่มีความเสี่ยงกับมลพิษทางอากาศก่อนจะสรุปว่า ในบางพื้นที่ อาทิ เอเชียตะวันออกซึ่งถือเป็นหนึ่งในที่ที่มีมลพิษทางอากาศที่เป็นอันตรายมากที่สุด ผู้ทำวิจัยพบว่ากว่า 27% ของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มีส่วนเกี่ยวเนื่องกับปัญหาสุขภาพอันเนื่องมาจากสภาพอากาศย่ำแย่ ขณะที่ในยุโรปสัดส่วนการเสียชีวิตดังกล่าวจะอยู่ที่ 19% ตามด้วย 17% ในอเมริกาเหนือ
ผู้ทำวิจัยระบุว่าเมื่อการเผชิญกับมลพิษทางอากาศมาอย่างยาวนานผสมผสานเข้ากับการติดเชื้อโควิด-19 ก็จะทำให้เกิดผลกระทบซึ่งเป็นอันตรายมากขึ้นต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหัวใจและหลอดเลือด มลพิษทางอากาศยังถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อผู้ที่มีอาการของโควิด-19 ทั้งต่อปอดและหัวใจ แม้ผลวิจัยจะไม่ได้สรุปว่ามลพิษทางอากาศจะทำให้ผู้ป่วยที่ติด โควิด-19 เสียชีวิต แต่ก็ไม่อาจตัดความเชื่อมโยงระหว่างกันได้ เนื่องจากอนุภาคที่อยู่ในมลพิษมีส่วนเชื่อมโยงกับการทำให้ผู้ป่วยมีอาการแย่ลง
ผู้ทำวิจัยระบุว่าผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอังกฤษมากกว่า 6,100 ราย มีส่วนเชื่อมโยงกับมลพิษในอากาศ ขณะที่ในสหรัฐตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ราว 40,000 ราย ทั้งนี้หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นฐานโดยหันไปใช้พลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน ปัญหามลพิษในอากาศจะทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แม้ว่าการระบาดใหญ่ของโควิด-19 จะผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม
ผลการวิจัยล่าสุดนี้เน้นย้ำให้เห็นถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพซึ่งเกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หลังจากที่งานวิจัยก่อนหน้าชี้ว่า มลพิษทางอากาศจากการสูดดมควันไฟรวมถึงควันพิษจากโรงงานทำให้ผู้คนไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง หรือเด็กมีอายุสั้นลงเฉลี่ย 2 ปี (เอเอฟพี) |
| | |
|
|