นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า กรณีที่มีการเผยแพร่คลิปที่ผู้บริโภคซื้อเครื่องดื่มชาไทยจากตลาดนัด นำไปเก็บไว้ในตู้เย็น 2 วัน แต่ปรากฏว่าเมื่อแกะถุง ชาไทยได้เปลี่ยนสภาพเป็นเมือกเหลวคล้ายพลาสติกถูกหลอมละลาย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า ชาไทยเป็นเครื่องดื่มที่ผลิตจากชาซีลอนที่นำมาปรับกลิ่นและแต่งสี เพื่อให้เวลาชงแล้วออกมาเป็นสีส้ม และนำมาชงดื่มในแบบต่างๆ เช่น ชาร้อน (ใส่นม และน้ำตาล) ชาดำร้อน (ใส่น้ำตาล) ชาดำเย็น (ใส่น้ำตาล และน้ำแข็ง) ชาเย็นหรือชาไทย (ใส่นม หรือครีมเทียม น้ำตาล หรือนมข้นหวาน และน้ำแข็ง) โดยอาจเติมนมข้นจืด หรือครีมเทียมข้นจืดเพื่อเพิ่มรสชาติ
"ชาเย็นซึ่งมีน้ำ น้ำตาล และนมเป็นส่วนประกอบ จึงเอื้อต่อการเจริญของจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเน่าเสีย และจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค ดังนั้น จึงต้องมีกระบวนการผลิตที่ถูกสุขลักษณะ ทั้งความสะอาดของเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ อุณหภูมิที่ใช้ในการต้ม และความสะอาดของผู้จำหน่าย รวมทั้งอุณหภูมิที่ใช้ในการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม" นพ.พูลลาภกล่าว และว่า ชาไทย ที่ขายตามร้านค้า ตลาดนัดโดยไม่ได้บรรจุในภาชนะที่ปิดสนิท เป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่ได้อยู่ในการกำกับดูแลของ อย. ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อควรเลือกซื้อจากร้านที่สะอาดถูกสุขลักษณะ ทั้งความสะอาดของวัตถุดิบ อุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้ในการผลิต และสุขลักษณะของผู้ปรุงจำหน่าย อีกทั้งไม่ควรนำผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะผิดปกติ เช่น เป็นเมือก เป็นยาง เหนียวข้น หรือมีสี กลิ่น รส เปลี่ยนไปมาบริโภค
"สำหรับผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ อย.จะเป็นผลิตภัณฑ์ชาปรุงสำเร็จที่บรรจุในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ซึ่งมีข้อกำหนดในเรื่องคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ เช่น ตรวจไม่พบแบคทีเรียชนิด อี.โคไล ไม่มีจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค สถานที่ผลิตต้องผ่านการตรวจประเมินตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร (GMP) ในการเลือกซื้อ ผู้บริโภคควรสังเกตภาชนะบรรจุต้องสะอาด ไม่บุบ แตก หรือฉีกขาด มีเลขสารบบอาหาร มีการแสดงฉลาก เช่น ชื่ออาหาร ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต ปริมาตรสุทธิ วันเดือนปีที่ควรบริโภคก่อน ข้อมูลการใช้วัตถุเจือปนอาหาร และข้อมูลเกี่ยวกับการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์บนฉลาก หากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องเก็บรักษาในตู้แช่เย็น ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิของตู้แช่เย็นตลอดเวลา" นพ.พูลลาภกล่าว |