Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 04/12/2563 ]
ชายเชียงราย ติดเชื้อในปท. 150คนไทยตื่นขอกลับบ้าน

 กรุงเทพธุรกิจ  เชียงรายแถลงติดโควิดเพิ่ม 4 ราย โดย 1 รายเป็นชายติดเชื้อจากสาวพะเยาที่หลบหนีเข้าเมืองก่อนหน้า ส่งผลเป็นผู้ติดเชื้อรายแรก นับจากหญิงชาวฝรั่งเศส ขณะที่สธ.เผยคนไทยตกค้างท่าขี้เหล็กแจ้งขอกลับแล้ว 150 คน  สธ.แนะผู้ไปงานสิงห์ปาร์คเร่งตรวจหาเชื้อ ด้าน ศบค.มหาดไทยสั่งทุกจังหวัดเคร่งครัด 4 มาตรการเพิ่มเติม สกัดโควิดจุดเสี่ยงในช่วง 1-31 ธ.ค.
          ประเทศไทยไม่พบผู้ติดโควิด-19 ที่เป็นการติดเชื้อจากภายในประเทศต่อเนื่องมาราว 1 เดือน โดยกรณีล่าสุดที่พบเมื่อช่วงปลายเดือนต.ค.2563 ซึ่งเป็นหญิงชาวฝรั่งเศส ที่ติดจากในสถานที่กักกันทางเลือก หรือ ASQ จ.สมุทรปราการ ตรวจเจอที่อ.เกาะสมุย หลังเดินทางไปเมื่อพ้นระยะกักตัว 14 วันแล้ว และล่าสุดพบการติดเชื้อในประเทศ เป็นเพศชาย อายุ 28 ปี มีประวัติทำงานอยู่ในประเทศไทย
          โดยตลอดโดยเมื่อวันที่ 28 ,29 พ.ย. และ 1 ธ.ค. 2563 ได้ไปพบปะเที่ยวงานสิงห์ปาร์ค นอนร่วมห้อง และไปจ.เชียงใหม่กับสาวจ.พะเยาที่ลักลอบ เข้าเมืองผิดกฎหมายและมีการตรวจพบติดโควิด-19 ไปก่อนหน้านี้ เมื่อทราบข่าวเพื่อนติดจึงเข้ารับ การตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจ.เชียงราย ผลตรวจติดเชื้อเช่นเดียวกับผลตรวจยืนยันจากโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ขณะนี้ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว ถือเป็นการติดเชื้อจากภายในจังหวัด โดยอยู่ระหว่างสอบสวนเพิ่มเติมว่ามีประวัติไปสัมผัสผู้เสี่ยงสูงรายอื่น มาด้วยหรือไม่
          วานนี้ (3 ธ.ค.) เวลา 16.00 น. นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย แถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 ว่า จ.เชียงราย ตรวจพบผู้ติดโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 4 ราย โดย 3 รายเดินทางกลับมาจากเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาอย่างถูกต้องและตรวจพบขณะอยู่ในสถานที่กักกัน
          ส่วนอีก 1 ราย เป็นเพศชาย อายุ 28 ปี มีประวัติทำงานอยู่ในประเทศไทยโดยตลอด และเมื่อวันที่ 28 ,29 พ.ย. และ 1 ธ.ค.2563 ได้ไปพบปะเที่ยวงานสิงห์ปาร์ค นอนร่วมห้อง และไปจ.เชียงใหม่กับสาวจ.พะเยาที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายและมีการตรวจพบติดโควิด-19 ไปก่อนหน้านี้ เมื่อทราบข่าวเพื่อนติด จึงเข้ารับการตรวจที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ในจ.เชียงราย ผลตรวจติดเชื้อเช่นเดียวกับ ผลตรวจยืนยันจากรพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ขณะนี้เข้ารับการรักษาในรพ.แล้ว ถือเป็น การติดเชื้อจากภายในจังหวัด
          สำหรับไทม์ไลน์ คือ วันที่ 28 พ.ย. เวลาประมาณ 13.00 น. เพื่อนที่เดินทางมาจากเมียนมา จำนวน 3 คน ซึ่ง 3 คนดังกล่าวต่อมาเข้ารับการรักษาโควิด-19ที่ จ.พะยา และ เชียงใหม่ ได้มาพักค้างคืนด้วย จากนั้น ช่วงเย็น ชายวัย 28 มาทำงานร้านอาหารตามปกติ วันที่ 29 พ.ย. ช่วงเช้าพักผ่อนกับเพื่อนที่ติดโควิด ที่ห้องพัก ประมาณ 17.00 น. ช่วงเย็นไปเที่ยวงานฟาร์มเฟสติวัล จนถึง23.00 น. แล้วเที่ยวต่อสถานบันเทิง ในพื้นที่ จ.เชียงราย และสังสรรค์กันต่อ ถึงเวลา 05.00 น.
          วันที่ 30 พ.ย. เวลา 12.00 น เดินทางไป จ.เชียงใหม่ ด้วยรถยนต์ส่วนตัว ร่วมกับเพื่อนกลุ่มเดิม และเที่ยวด้วยกันวันที่ 1 ธ.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางกลับเชียงรายด้วยรถโดยสารประจำทาง ช่วงเย็นไปทำงานร้านอาหารตามปกติ วันที่ 2 ธ.ค. ทราบข่าวว่าเพื่อนตรวจพบโควิด จึงไปขอตรวจที่ รพ.เอกชน และพบว่า ติดโควิด จากนั้น ไปรักษาที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์
          นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรณีคนไทย ติดเชื้อมาจากท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ระหว่างวันที่ 24 พ.ย. -1 ธ.ค.2563 จำนวน 10 ราย ขณะนี้ติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 175 คน ผลการตรวจหาโควิด-19 รอบแรก ไม่พบ ติดเชื้อ แต่จะมีการตรวจซ้ำอีกครั้งในระยะกักตัว 14 วัน ซึ่งหากกลุ่มที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่มีโอกาสติดเชื้อมากที่สุด ปรากฎว่าไม่ติดเชื้อ คนอื่นๆที่อยู่ห่างออกไปโอกาสที่จะติดเชื้อน้อยมาก ส่วนกลุ่มเสี่ยงต่ำ 524 คน ซึ่งได้แจ้งให้สังเกตอาการ รวม 699 คน
          นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและมีการติดตามอย่างใกล้ชิด จ.เชียงราย ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาร์มีการประสานขอรายชื่อ คนไทยที่ยังตกค้างเพื่อรวบรวมและให้กลับมาประเทศตามช่องทางปกติ เบื้องต้นราว 150 คน ส่วนภายในกลุ่มที่อาจจะลักลอบเข้ามาก่อนหน้านี้ จะต้องตรวจค้นหาให้เจอโดยเร็ว ซึ่งขอความร่วมมือประชาชนทุกคน เจ้าของสถานที่ทุกแห่ง หากพบว่าคนในชุมชนกลับจากประเทศเมียนมา
          โดยเฉพาะเมืองท่าขี้เหล็กตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2563 เป็นต้นมาให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้อสม.ทั่วประเทศเข้าไปเคาะประตูบ้านตรวจสอบด้วย รวมถึง ที่รพ.หากมีผู้มาขอเข้ารับการตรวจหรือมีอาการให้สอบถามทุกรายว่ามาจากเมือง ท่าขี้เหล็กหรือไม่ หากมีประวัติกลับมาจากเมืองดังกล่าวให้ตรวจหาโควิด-19 ทุกรายทันที
          แนะผู้ไปอีเวนท์เชียงรายเร่งตรวจ
          สำหรับผู้ที่ไปร่วมงานฟาร์ม Festival ที่สิงห์ปาร์ค จ.เชียงราย ในวันที่ 29 พ.ย.2563 ซึ่งมีผู้ติดเชื้อไปเที่ยวนั้น หากเป็นคนที่อยู่ในจุดและช่วงเวลาเดียวกับผู้ติดเชื้อ ขอให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ คือ เวลา19.30 น.ไปซื้อตั๋ว เวลา 19.38 น.ไปที่จุดตรวจอาวุธ เวลา 19.41 น. เข้าป่าหลังห้องน้ำบ้านแดง เวลา 19.48 น.เข้างานทางประตูฟาร์มเฟส เข้างานแล้วนั่งโซน C ประมาณแถวที่ 8 โต๊ะที่1-8 (โต๊ะสีเหลือง) สามารถประสานเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)เชียงใหม่ โทร 084-805-3131 หรือ 084-805-2121 หรือ 054-281-027-15, 091-007-2384 หรือ 081-883-0415 และสสจ.เชียงราย โทร 053-910-384, 053-910385
          นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 กล่าวว่า ขณะนี้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูล ประวัติของผู้ที่เดินทางข้ามแดนมาจาก ท่าขี้เหล็ก ทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่ากระทรวงสาธารณสุขให้ข้อมูลไม่ตรงไปตรงมา แต่แท้จริงแล้วกลับพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมาจากตัวผู้ที่ ลักลอบเข้าเมือง ไม่ได้ให้ข้อมูลอย่างถูกต้องครบถ้วน   ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องมีการสอบสวนและวิเคราะห์หลายครั้ง ก็พบว่าให้ข้อมูลไม่ตรงกันจึงต้องทำการสอบสวนใหม่อีกครั้งผลก็ปรากฏว่าในรายที่ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายได้มีการแถลงว่าเป็นผู้ป่วยรายใหม่ติดโควิด-19 จากหญิงพะเยาที่ทำงาน ท่าขี้เหล็ก ไม่ใช่แฟนหนุ่มแต่อย่างใด รายใหม่นี้ เป็นเพียงเพื่อน มีการพักร่วมห้องกัน
          วันเดียวกันศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า ด้วยศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ได้ประชุมเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2563 พิจารณากรณีพบชาวไทยที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน และติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 10 ราย โดยได้กำหนดมาตรการเพิ่มเติมให้กระทรวงมหาดไทย แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดในห้วงวันที่ 1-31 ธ.ค.2563 เพื่อให้ประชาชนเดินทางไปร่วมกิจกรรมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลขึ้นปีใหม่ 2564 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
          นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัด มท.ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการ และประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผู้ว่าฯกทม. จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าฯทุกจังหวัด ถือปฏิบัติตามมาตรการเพิ่มเติมของ ศบค.โดยเคร่งครัด ได้แก่
          1. เฝ้าตรวจ เฝ้าระหว่างการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในพื้นที่ตอนใน โดยให้ความสำคัญเร่งด่วนและความเข้มข้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนด้านภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามลำดับ
          2. ตรวจกำกับดูแลกิจการหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคฯ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน ร้านอาหาร สถานประกอบการ สถานบันเทิง สนามกีฬา สถานที่ท่องเที่ยว ให้มีความเข้มงวดในมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 มากขึ้น
          3. ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เฝ้าสังเกตและกำกับดูแลบุคคลที่กลับเข้ามาในพื้นที่ชุมชน เพื่อซักถามและให้คำแนะนำมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 และ 4. สร้างการรับรู้ความเข้าใจในการขอความร่วมมือภาคประชาชนและภาคประชาสังคม ทั้งผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการ ผู้จัดกิจกรรม และผู้ร่วมกิจกรรมในพื้นที่สาธารณะ ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
          มท.สั่งคุมเข้มแนวชายแดน  ด้านนายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง มท.กล่าวถึงกรณีพบผู้ติดเชื้อ โควิดลักลอบเข้าประเทศไทยทางแนวชายแดนว่า ขณะนี้ได้เน้นย้ำกับกำนันผู้ใหญ่บ้านอย่าการ์ดตก พร้อมกับกำชับการดูแลตามแนวชายแดน ไว้แล้ว โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ธ.ค. นายอำเภอ แม่อาย จ.เชียงใหม่ ได้รายงานว่าดูแลสถานการณ์เต็มที่ หลังจากนี้จะมีมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น เพราะหากปล่อยให้หลุดไปจะทำให้เกิดหายนะได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้มอบแนวทางการดำเนินการไปทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านมีส่วนสำคัญในการดูแลคนในชุมชนตามแนวตะเข็บชายแดนเช่นกัน
          "กรณีการลักลอบครั้งที่ผ่านมาเป็นการเข้ามาทางช่องทางไม่ปกติมีการจัดรถรับนั้น ต้องนำมาเป็นบทเรียนทำให้เกิดการป้องกันที่ เข้มแข็งมากขึ้น ซึ่งทุกอำเภอจะมีศูนย์เพื่อรับมือโควิด ฉนั้นเมื่ออดีตเคยเอาอยู่ได้ ก็สามารถ รับมือได้อย่างต่อเนื่อง"นายธนาคม กล่าว
          เสริมกำลังชายแดนไทย-เมียนมา
          พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 (มท.ภ.3) พร้อมคณะ ได้เดินทางมามอบนโยบาย และฟังสถานการณ์ความคืบหน้าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ที่จุดผ่านแดนถาวรแม่สาย สะพานมิตรภาพไทย-พม่า ข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยมีฝ่ายปกครอง และหน่วยแพทย์ พร้อมทั้งหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณด่านพรมแดนที่ตรวจคัดกรองผู้เดินทางกลับมาจากประเทศเมียนมาให้ข้อมูลและชี้แจงการปฏิบัติให้ทราบ
          พล.ท.อภิเชษฐ์ กล่าวว่า ปัจจุบันได้มีการจัดกำลังกองกำลังผาเมืองในการลาดตระเวนตามเส้นทางชายแดน และตามช่องทางธรรมชาติ ทั้งทางภูเขา และทางริมแม่น้ำสาย เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ใน จ.เชียงราย และเจ้าหน้าที่ตรวจ คนเข้าเมืองเชียงราย โดยให้ปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งลาดตระเวณทางเท้าและรถยนต์

 pageview  1210907    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved