Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 02/12/2563 ]
ผงะ เชียงรายติดโควิดอีก1 ทบ.ป้องทหารเอี่ยวลักลอบเข้าเมือง

 'สธ.'งัดกฎเหล็กเชือดไทยหยุดไม่อยู่ป่วยพุ่ง
          "โควิด-19" เข้าไทย อีก 10 ราย มาจาก "สหรัฐฯ-ซูดาน-รัสเซีย-ปากีสถาน" รวมยอดป่วย 4,008 รายหายเพิ่ม 8 ส่วน"สธ.เชียงราย" เผยผลตรวจ "3 สาวไทย 1 สาวสอง"ลอบเข้าแม่สาย เชียงรายไม่พบติดเชื้อขณะที่"กรมควบคุมโรค"ระบุพบเพื่อนสาวเชียงใหม่ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 1 ราย
          หลังลักลอบเข้าเมืองมาเชียงราย ส่วน "อนุทิน" โวย พวกเห็นแก่ตัว ลักลอบเข้าประเทศทำติดโควิด-19เตรียมงัดก.ม.ทุกฉบับเล่นงาน ส่วน "ผบ.ทบ." ขอความเป็นธรรมให้ทหาร หลังมี "มือดี" โพสต์กล่าวหารับสินบนพาคนลักลอบเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว
          เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.63 ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานสถานการณ์ ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 10 ราย คนไทย 3 ต่างชาติ 7 โดยเดินทางมาจากต่างประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา3 ราย ซูดาน 1 ราย รัสเซีย 4 ราย และปากีสถาน 2 ราย โดยทั้งหมดอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ และเข้ารับการรักษาแล้ว รวมยอดผู้ป่วยสะสม4,008 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มโดยยอดเสียชีวิตยังคงที่อยู่ที่ 60 รายรักษาหายเพิ่มอีก 8 ราย รวมยอดผู้ป่วยรักษาหาย 3,811 ราย และยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีก 137 ราย
          ขณะที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ หญิงไทย 3 ราย สาวประเภทสอง 1 ราย ที่ลักลอบเข้าประเทศและเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.แม่สาย อ.แม่จัน มีผลการตรวจเป็นลบ โดยขณะนี้ได้รับการกักตัวแล้ว
          ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่อีก 1 ราย ใน จ.เชียงราย เป็นหญิงไทย อายุ 25 ปี ภูมิลำเนา จ.พะเยาซึ่งทำงานในสถานบันเทิงในเมียนมาแห่งเดียวกับหญิงไทยที่ จ.เชียงใหม และในจ.เชียงราย ที่พบการติดเชื้อก่อนหน้านี้โดยเดินทางจากเมียนมามาตามช่องทางธรรมชาติ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมาพร้อมเพื่อนอีก 2 คนมาที่ อ.แม่สาย
          ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ขณะนี้เรามีการตรวจซ้ำเพื่อขยายผลให้มากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นและเป็นความเห็นแก่ตัวของคนไม่กี่คน ที่ทำความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทย เนื่องจากได้ประกาศไม่รู้ต่อกี่ครั้งแล้วว่าห้ามเดินทางออกนอกประเทศ แต่ปรากฏว่ามีถึง 2-3 รายหรือมากกว่า ยังเดินทางเข้าออกเป็นว่าเล่นผ่านช่องทางธรรมชาติ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายและตนได้สั่งการไปที่สาธารณสุขจังหวัด ให้ดำเนินการดำเนินคดีให้แรงที่สุดและจะใช้ทุกมาตราเพราะเป็นสิ่งที่ทำร้ายบ้านเมือง ไม่ควรสงสาร หรือให้ความชื่นชม
          ส่วน พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. กล่าวยืนยันถึงกรณีการดูแลชายแดนภายหลังมีคนไทยลักลอบเข้าประเทศโดยไม่ผ่านการกักตัว 14 วัน และมีการโพสต์ข้อความใส่ร้ายการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่ารับสินบน เพื่อให้เดินทางเข้ามาในประเทศโดยไม่ต้องกักตัวว่าตั้งแต่มีโควิด-19 ระบาด ไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารคนไทยไปรับสินบน และได้ติดตามร่องรอยการโพสต์ข้อความดังกล่าว โดยทาง พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่3 ส่งชุดปฏิบัติการลงไปในพื้นที่เพื่อสอบสวนเส้นทางโรคติดต่อ และการโพสต์ข้อความบิดเบือนดังกล่าว ทราบว่าเป็นการรับฟังต่อๆ กันมา และนำไปโพสต์เมื่อมีการตรวจสอบสอบเส้นทาง พบอีกว่าฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมีการรับเงินเพื่อเปิดทางให้คนเหล่านี้ข้ามเข้ามาฝั่งไทยซึ่งตรงนี้เราไปจัดการไม่ได้ จึงขอความเป็นธรรมให้กับเจ้าหน้าที่
          ขณะที่ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า "โมเดอร์นา" บริษัทยาและเวชภัณฑ์ชื่อดังในสหรัฐฯ กำลังเร่งขออนุมัติต่อสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ หรือเอฟดีเอ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น เพื่อขอให้ใช้วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ทางบริษัทฯ วิจัยพัฒนาในกรณีฉุกเฉิน
          รายงานข่าวแจ้งว่า การร้องขอให้ใช้วัคซีนกรณีฉุกเฉินข้างต้น มีขึ้นภายหลังจากทางโมเดอร์นา ประสบผลสำเร็จในการทดลองวัคซีนขั้นสุดท้าย ซึ่งมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ถึงกว่าร้อยละ 95 โดยเป็นการร้องขอใช้กรณีฉุกฉินเป็นบริษัทยาแห่ง 2 ต่อจาก "ไฟเซอร์" บริษัทยาและเวชภัณฑ์ชื่อดังในสหรัฐฯ เช่นกันซึ่งได้ดำเนินการร้องขอไปเมื่อเร็วๆ นี้
          ทั้งนี้ หากทาง "เอฟดีเอ" อนุมัติวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดฯ  ของโมเดอร์นา ก็สามารถถูกนำมาใช้กับประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป
          ทางด้าน คณะนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษเปิดเผยผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยระบุว่า พบร่องรอยความเสียหายอวัยวะปอดจากกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสดังกล่าว
          โดยคณะนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เปิดเผยว่า ผู้ป่วยโรคโควิดฯที่มีอายุระหว่าง 19 - 69 ปี จำนวน 8 ใน 10 คน อวัยวะปอดของพวกเขาได้รับความเสียหาย หลังจากที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ไปแล้ว 3 เดือน ถึงแม้ว่าบรรดาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิดฯ กลุ่มดังกล่าวไม่ต้องเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤติหรือต้องใช้เครื่องช่วยหายใจก็ตาม
          ขณะที่ สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ 218 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นจำนวน 63,589,725 ราย ผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 1,473,926 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายมีจำนวนสะสม 43,984,723 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน13,919,870 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 274,332 ราย

 pageview  1210908    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved