Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 05/01/2564 ]
เทศกาลปีใหม่6วัน ดับ358เจ็บ3พันคน เปิด9จว.ไร้เสียชีวิต

'คมนาคม'สรุปช่วงปีใหม่เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ต่ำกว่าคาด 40.5% 'ศปถ.'สรุป 6 วันอันตรายปีใหม่ มีอุบัติเหตุ 3,072 ครั้ง ตาย 358 ราย
          เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2564 ประจำวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ว่า เกิดอุบัติเหตุ 325 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 40 ราย ผู้บาดเจ็บ 333 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 35.69 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 24.31 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83.08 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 68.00 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ร้อยละ 26.77 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (14 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (5 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรีและเชียงใหม่ (จังหวัดละ 14 คน)
          "สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมช่วง 6 วันของการรณรงค์ (29 ธันวาคม 2563-3 มกราคม 2564) เกิดอุบัติเหตุรวม 3,072 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 358 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,073 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 9 จังหวัด ได้แก่ ตราด นครนายก นราธิวาส น่าน มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ระนอง อำนาจเจริญ และอุตรดิตถ์ จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (111 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงรายและนครราชสีมา (จังหวัดละ 16 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (113 คน)
          รองปลัด มท.กล่าวว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 มีจำนวนลดลงทั้งจำนวนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ แต่สาเหตุหลักยังเกิดจากการขับรถเร็ว และเมาแล้วขับ ซึ่งวันที่ 4 มกราคม ประชาชนบางส่วนยังอยู่ระหว่างการเดินทาง ศปถ.จะเข้มงวดและบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างต่อเนื่อง
          รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมแจ้งว่า ข้อมูลการเดินทางหยุดยาวช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ตั้งแต่ปลายปี 2563 ถึงต้นปี 2564 รวม 6 วัน พบว่ามีประชาชนเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ 8,039,550 คน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 40.50% ทั้งนี้ มีปริมาณการจราจรเข้า-ออกกรุงเทพฯ 11,395,209 คัน ต่ำกว่าประมาณการ 26.24% ส่วนใหญ่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล 10,863,785 คัน
          ข่าวแจ้งว่า สำหรับสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุบนโครงข่ายของกระทรวงคมนาคม ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2563-3 มกราคม 2564 พบว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบนโครงข่ายทางถนน 1,489 ครั้ง และโครงข่ายทางราง 6 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 399 คน บาดเจ็บ 2,359 คน บริเวณที่เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่เป็นทางตรง 72.57% สาเหตุสำคัญเกิดจากการขับรถเร็วเกินกำหนด โดยเกิดใน จ.สุพรรณบุรีมากที่สุด 64 ครั้ง สำหรับอุบัติเหตุที่มีรถจักรยานยนต์เกี่ยวข้อง 763 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 150 คน บาดเจ็บ 847 คน เกิดที่ จ.นครราชสีมาและ จ.เชียงใหม่ มากที่สุด จังหวัดละ 30 ครั้ง และมีอุบัติเหตุบนระบบขนส่งสาธารณะและรถบรรทุก รวม 22 ครั้ง เป็นอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะ 4 ครั้ง ทางรถไฟ 6 ครั้ง และรถบรรทุก 18 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 21 คน บาดเจ็บ 12 คน ทั้งนี้ ไม่มีรายงานอุบัติเหตุในบริการขนส่งสาธารณะทางเรือและเครื่องบิน
          ที่ จ.ลำปาง ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหลังเทศกาลปีใหม่ ที่สถานีรถไฟนครลำปาง พบว่าขบวนรถไฟมีผู้โดยสารบางตามาก คาดว่าเป็นเพราะกังวลเรื่องการระบาดของโควิดจึงงดการเดินทาง ทำให้ไม่คึกคักเหมือนเทศกาลปีใหม่ทุกปีที่ผ่านมา ที่ผู้คนมักจะเดินทางกลับลงกรุงเทพฯกันหนาแน่น เช่นเดียวกับสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.ลำปาง การเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ ในวันสุดท้ายของวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ก็บางตาเช่นกัน และก่อนหน้านี้มีประชาชนหลายคนคืนตั๋ว โดยเปลี่ยนการเดินทางกลับไปกรุงเทพฯด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลแทน เนื่องจากกังวลโควิด
          จ.นครราชสีมา ที่สถานีขนส่งพิมายเมืองใหม่ ต.ในเมือง อ.พิมาย บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่มีผู้โดยสารเดินทางเข้าพื้นที่แต่อย่างใด รถโดยสารจอดนิ่งเต็ม บขส. เนื่องจากทาง จ.นครราชสีมา ประกาศหากมีบุคคลใน 28 จังหวัดเสี่ยง เข้าพื้นที่ต้องกักตัว 14 วัน ทำให้ไม่มีคนเดินทางเข้าพื้นที่ อ.พิมาย

 pageview  1210902    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved