สตรีทั้งหลายจงระวังภาวะกลั้นอุจจาระ โดยเฉพาะกลุ่มคุณแม่ที่คลอดธรรมชาติมีโอกาสเสี่ยงสูง
นพ.อัฑฒ์ หิรัณยากาศ ศัลยแพทย์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โรงพยาบาลกรุงเทพ บอกว่า ภาวะกลั้นอุจจาระไม่อยู่เป็นโรคที่พบได้บ่อย รายงานจากสหรัฐอเมริกา พบมีประชากร 1 ใน 12 คน ที่มีปัญหาเกี่ยวนี้ ทั้งนี้อุบัติการณ์จะพบมากในสตรีหลังคลอดแบบธรรมชาติ 1 ใน 4 คน นอกจากนี้ยังพบว่า อุบัติการณ์อาจเพิ่มสูงขึ้นในสตรีสูงอายุ เมื่อถึงวัยหมดประจำเดือน หรือเข้าสู่วัยทอง
โดยอาการอาจเริ่มต้นจากปัญหาการกลั้นลม ตามมาด้วยการกลั้นอุจจาระเหลวไม่ได้ จนในที่สุดไม่สามารถกลั้นอุจจาระที่เป็นก้อนได้ สาเหตุอาจเกิดจากการบาดเจ็บของอุ้งเชิงกรานขณะคลอดบุตร อุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบทวารหนัก กระดูกอุ้งเชิงกรานหัก กล้ามเนื้อหูรูดฉีก โดยทั่วไปอาการมี 2 แบบใหญ่ๆ คือ มีอุจจาระออกมาเปื้อนกางเกงชั้นในโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเกิดจากอาการทำงานที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักชั้นใน และกลุ่มที่ไม่สามารถกลั้นอุจจาระได้นานพอ ทั้งนี้เมื่อมีความรู้สึกอยากจะถ่ายมักไปห้องน้ำไม่ทัน สาเหตุของอาการในกลุ่มนี้อาจเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูดชั้นนอก นอกจากนี้การกลั้นอุจจาระไม่อยู่ยังรวมไปถึงการมีอุจจาระออกมาโดยไม่ตั้งใจ เช่น การมีอุจจาระออกมาในขณะผายลม
แนวทางการรักษา หากอาการไม่รุนแรง ผู้ป่วยสามารถฝึกกล้ามเนื้อหูรูดให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้งด้วยการออกกำลังกายเฉพาะส่วน เช่น ฝึกขมิบกล้ามเนื้อหูรูด ร่วมกับการปรับอาหาร และอาจมีการใช้ยาช่วย อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายและการปรับพฤติกรรมดังกล่าวอาจได้ผลในผู้ป่วยส่วนหนึ่งเท่านั้น
การตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง จะนำไปสู่การรักษาที่ถูกต้องซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การตรวจด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ ตรวจโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเอ็มอาร์ไอ (MRI) ตรวจวัดความดันภายในทวารหนัก การวัดการทำงานของกล้ามเนื้อหูรูดด้วยคลื่นไฟฟ้า และเครื่องมือประเมินการทำงานของเส้นประสาทที่ทำหน้าที่รับผิดชอบกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักและอุ้งเชิงกราน ซึ่งหากเป็นรุนแรงอาจต้องถึงขั้นผ่าตัด |