|
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 24/01/2556 ] |
|
|
|
|
อย่าให้ลูกขาดสารอาหาร |
|
|
|
|
คนวัยทำงานบางครั้งก็รีบเร่งไปเสียหมด แต่คนวัยทำงานที่ยังมีลูกเล็ก ๆ อย่างไรก็ต้องให้ความใส่ใจ ยิ่งมีการพบว่าเด็กไทยในเมืองเสี่ยงสูงต่อการด้อยพัฒนาการทางกายและสมอง จากการบริโภคอาหารที่ไม่สมดุล ทำให้ขาดวิตามินและเกลือแร่ แต่ได้รับไขมันและคาร์โบไฮเดรตมากเกิน
ภญ.มาลิน จุลศิริ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ คณะเภสัชกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ปัญหาภาวะโภชนาการในเด็กวัยซนกำลังน่าเป็นห่วง เพราะความเร่งรีบจนต้องพึ่งแต่อาหารสำเร็จรูป ทำให้เด็กขาดความสมดุลทางโภชนาการหากเด็กบริโภคเป็นประจำ อีกทั้งเด็กจำนวนไม่น้อยนิยมบริโภคขนมและดื่มน้ำอัดลมจนติดเป็นนิสัย จากสถิติของกรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข พบว่าเด็กไทยใช้เงินซื้อขนมเฉลี่ยคนละ 9,800 บาทต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าใช้จ่ายเพียงคนละ 3,024 บาทต่อปี
พฤติกรรมการบริโภคที่ไม่ถูกต้อง มักเริ่มตั้งแต่วัยก่อนเรียนคือ 4-5 ขวบ พอถึง 6 ขวบ เด็กจะติดเป็นนิสัย และยิ่งโตขึ้นคุณพ่อคุณแม่ยิ่งมีความยากลำบากในการดูแลเด็กเหล่านี้ ทำให้เด็กเกิดปัญหาการขาดสารอาหารที่จำเป็น แต่กลับต้องเผชิญโรคอ้วน
ปัญหาภาวะโภชนาการในเด็กแก้ไขไม่ยาก เพียงให้เด็กบริโภคอาหารที่เหมาะสมทุกวัน มีคุณค่าและในปริมาณที่เพียงพอ อาหารเช้าเป็นมื้อสำคัญที่สุด เด็กจึงควรบริโภคอาหารทุกเช้า แนะนำให้เป็นอาหารที่บริโภคง่ายและมีสารอาหารครบถ้วน ถ้าไม่อยากวุ่นวายในการเตรียมอาหารเช้า อาจเตรียมในช่วงกลางคืนแล้วอุ่นในตอนเช้า เด็กที่ได้รับอาหารทุกเช้าจะสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งการเรียนได้เต็มที่ เพราะมีสารอาหารที่มีคุณค่าพร้อมหล่อเลี้ยงร่างกายและสมอง และในทุก ๆ มื้อ จำไว้ว่าต้องมีสารอาหารให้ครบ 5 หมู่
ส่วนถ้าจะมองเรื่องผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเป็นตัวช่วย ควรพิจารณาผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นสำหรับเด็กเช่น วิตามินบีชนิดต่าง ๆ ธาตเหล็ก ฯลฯ รวมทั้งมีกรดอะมิโนจำเป็น เล่น ไลซีน ฯลฯ เพื่อนไปใช้เป็นองค์ประกอบในการสร้างโปรตีน นอกจากนี้ สารอาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำตาลหวานและไขมันเช่ น โอลิโกแซ็กคาไรด์ ฯลฯ ซึ่งถูกจัดเป็นใยอาหารชนิดละลายได้และยังมีประโยชน์ช่วยในการขับถ่าย |
| | |
|
|