เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาเปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีมาตรการควบคุมการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารทั่วไปที่บรรจุเสร็จพร้อมจำหน่าย ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP : โอท็อป) โดยได้ดำเนินการยกร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เรื่องมาตรฐานอาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย หรือจีเอ็มพี ไมนัส (GMP Minus)ซึ่งจะเป็นมาตรฐานสำหรับโรงงานผลิตขนาดเล็ก ครอบคลุมโรงงานที่ผลิตอาหารโอท็อปของฝาก หรืออาหารอื่นใดที่บรรจุในภาชนะซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการผลิตเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคและรองรับประชาคมอาเซียนในปี 2558
"สำหรับเกณฑ์การประเมินจะยืดหยุ่นกว่ามาตรฐานจีเอ็มพีที่เป็นมาตรฐานการผลิตในระบบอุตสาหกรรม ขณะนี้ร่างดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของอนุกรรมการอาหารเรียบร้อยแล้ว และจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการอาหารในต้นเดือนมีนาคมนี้ ก่อนออกเป็นประกาศ สธ.เพื่อมีผลบังคับใช้ต่อไป" นพ.พิพัฒน์กล่าว และว่า ส่วนเกณฑ์ที่จะใช้ในการประเมินมาตรฐานจีเอ็มพี ไมนัส เช่น สถานที่ผลิตต้องมีความปลอดภัย ไม่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ใกล้บริเวณและสามารถป้องกันแมลงไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ผลิตได้ รวมทั้งจะพิจารณาในเรื่องกระบวนการผลิต และสุขลักษณะด้วย
นพ.พิพัฒน์กล่าวว่า หลังจากประกาศนี้มีผลบังคับใช้ ผู้ประกอบการรายใหม่จะต้องเข้ามาตรฐานดังกล่าวทันที ส่วนผู้ประกอบการรายเก่าจะผ่อนผัน 3 ปี เพื่อให้ปรับปรุงสถานที่ผลิตให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด โดยบทลงโทษเบื้องต้นจะคล้ายกับเกณฑ์มาตรฐานจีเอ็มพีทั่วไปคือ ปรับ 10,000 บาท และหากฉลากไม่ถูกต้องปรับ 30,000 บาท อย่างไรก็ตาม มาตรฐานดังกล่าวจะครอบคลุมอาหารที่ผลิตเป็นสินค้าโอท็อป และของฝากทั่วประเทศ ซึ่งมีกว่า 10,000-20,000 ราย รวมทั้งแกงถุงที่มีการบรรจุพร้อมจำหน่ายตามโรงงานผลิตขนาดเล็กๆ ยกเว้นอาหารที่ปรุงสุขใหม่และขายทันที เช่น ข้าวแกงที่ตักใส่ถุงเพื่อขายหน้าร้าน แต่หากไปรับแกงบรรจุถุงจากที่อื่นมาขายหน้าร้าน หรือแกงถุงบรรจุเสร็จในห้างสรรพสินค้าจะต้องผ่านมาตรฐานนี้ด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหลักเกณฑ์จีเอ็มพี ไมนัส อาทิ สถานที่ตั้งและอาคารผลิตต้องสะอาด ไม่สะสมสิ่งปฏิกูล ไม่มีน้ำขังแฉะสกปรก สามารถป้องกันสัตว์และแมลงเข้าสู่บริเวณผลิตหรือสัมผัสอาหาร เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต ต้องง่ายแก่การทำความสะอาด ไม่เป็นสนิม ไม่เป็นพิษการควบคุมกระบวนการผลิต วัตถุดิบ ส่วนผสมต่างๆ และภาชนะบรรจุ มีการคัดเลือกมีการล้างทำความสะอาด เก็บรักษาอย่างเหมาะสม การสุขาภิบาล เช่น น้ำที่ใช้ภายในสถานที่ผลิตเป็นน้ำสะอาด มีวิธีการกำจัดขยะที่เหมาะสม และผู้ปฏิบัติงานในบริเวณผลิตอาหารต้องไม่มีบาดแผล ไม่เป็นโรคหรือพาหะของโรค แต่งกายสะอาดเสื้อคลุมหรือผ้ากันเปื้อนสะอาด มีการสวมหมวกตาข่ายหรือผ้าคลุมผมตามความจำเป็น เป็นต้น