นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีปัญหาหมอกควัน 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่เชียงราย ลำปาง ลำพูน พะเยา แม่ฮ่องสอน แพร่และน่าน เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ว่าปริมาณมลพิษในอากาศสูงขึ้นมากกว่าหลายวันที่ผ่านมาเกิน 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในหลายจังหวัด ปัญหาเหล่านี้ต้องดูแลร่วมกัน ในด้านการป้องกันคือ การลดการเผาป่าหรือจุดไฟเผาวัชพืชในที่สาธารณะ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ส่งหน้ากากอนามัยไปแล้วจำนวนมาก เพื่อป้องกันการสูดละอองควันไฟเข้าปอด ในส่วนของท้องถิ่นใช้รถออกพ่นน้ำ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ขณะเดียวกัน กรมฝนหลวงได้เริ่มปฏิบัติการทำฝนหลวง โดยตนจะเดินทางไปจ.เชียงใหม่ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อประชุมติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
นพ.สุรวิทย์กล่าวว่า จากการติดตามเฝ้าระวังการเจ็บป่วย พบว่า 4 กลุ่มโรคที่มีโอกาสป่วยได้สูง ได้แก่ 1.กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด 2.โรคทางเดินหายใจทุกชนิด 3.โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง และ 4.กลุ่มโรคตาอักเสบ
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค สธ. กล่าวว่า ปริมาณหมอกควันที่มีจำนวนค่อนข้างมากส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างชัดเจนในพื้นที่ จ.ลำพูน และจ.พะเยา มีจำนวนผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองและโรคตาอักเสบเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงโรคอื่นๆ เช่น โรคหัวใจทุกชนิด คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีอัตราป่วยเพิ่มขึ้น ซึ่งนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบเป็นนโยบายให้โรงพยาบาลทุกแห่งในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือสำรองเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น
วันเดียวกันที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือในกองบิน 41 จ.เชียงใหม่ ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมกับนักวิชาการและเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ เพื่อทำภารกิจฝนหลวงเร่งลดปัญหามลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
นายทรง กลิ่นประทุม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ เปิดเผยว่า ตามแผนกำหนดว่าเวลา 13.00 น. วันนี้จะขึ้นทำฝนหลวงเต็มขั้นตอน หากได้ผลหลังการขึ้นทำจะใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง จึงจะมีฝนตกลงมา