นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า จากการสุ่มตรวจเด็กที่ อำเภออุ้มผาง ประมาณ 200 คน พบเด็กร้อยละ 60 ของเด็กที่ได้รับการตรวจมีสารตะกั่วปนเปื้อนในเลือดสูง มี 12 คน ได้รับยาขับสารตะกั่วออกจากร่างกายขณะนี้เด็ก 12 คนปลอดภัยแล้ว จากการเฝ้าระวังการป่วยจากการได้รับสารตะกั่วเกินมาตรฐาน กรมควบคุมโรค (คร.) พบว่าที่ผ่านมาแต่ละปีมีผู้ป่วยน้อยมากมีเพียงประปราย เช่น ในโรงงานผลิตแบตเตอรี่ หรือในบริเวณที่มีเหมืองตะกั่ว ซึ่งขณะนี้แก้ไขปัญหาไปแล้วจึงไม่ต้องตกใจ สำหรับเด็กที่มีปริมาณสารตะกั่วในร่างกายสูงจะมีอาการซึมเศร้าเคลื่อนไหวช้า ผิวดำหมองคล้ำเป็นจุดๆ ถ้าได้รับสารตะกั่วเป็นเวลานานจะส่งผลต่อการทำงานของตับเกิดภาวะตับเป็นพิษ และทำให้สมองทึบ สำหรับสาเหตุของการพบสารตะกั่ว คาดการณ์ว่า อาจจะเกิดได้จาก 2 กรณี 1.จากภาชนะที่ใช้ในการประกอบอาหาร และ 2.จากแบตเตอรี่สำหรับชาร์จไฟจากแผงโซลาร์เซลล์
นพ.พรเทพกล่าวว่า คร.ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสอบสวนหาสาเหตุการเกิดโรค และดำเนินการเก็บตัวอย่างภาชนะที่ใช้ประกอบอาหารไปส่งตรวจ ผลการตรวจพบว่าสาเหตุหลักมาจากภาชนะที่ใช้ในการประกอบอาหารเป็นประจำวันมีสารตะกั่วที่ปนเปื้อน ลักษณะเป็นโลหะผสมคุณภาพต่ำ ราคาถูก ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน จากการนำกระทะ หม้อแขก ส่งตรวจหาค่ามาตรฐานสารตะกั่ว พบสารตะกั่วที่เป็นส่วนประกอบในกระทะ 800 ส่วนต่อล้านส่วน ในหม้อแขกพบ 400 ส่วนต่อล้านส่วน ซึ่งค่ามาตรฐานตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขภาชนะที่ใส่อาหารต้องมีค่าสารตะกั่วละลายปนเปื้อนในอาหารได้ไม่เกิน 5 ส่วนต่อล้านส่วน สำหรับแบตเตอรี่ตรวจสอบแล้วไม่น่าจะเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยในครั้งนี้ ทั้งนี้ ประชาชนควรใช้ภาชนะสแตนเลส |