โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ในช่วงฤดูหนาวทุกปีมีการระบาดไข้หวัดใหญ่ในหลายโรงเรียนเป็นการระบาดของไข้หวัดใหญ่ชนิด B ในฤดูฝนที่ผ่านมา(2554) การระบาดของไข้หวัดใหญ่ส่วนมากจะเป็นชนิด A (H3N2)การระบาดได้ลดลง ในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม และเริ่มมีการระบาดเกิดขึ้นอีกระลอกในฤดูหนาวนี้ เป็นการพบทั้งชนิด A (H3N2)และชนิด B การติดต่อแพร่กระจายโรคเกิดได้ง่ายจากการสัมผัสฝอยละออง สิ่งคัดหลั่งที่เกิดจากการไอ จาม จึงระบาดได้ง่ายในโรงเรียน
ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้มีการพบมากในหลายโรงเรียน และพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิด B ถึงแม้ว่าโรคนี้ในเด็กปกติจะไม่รุนแรงมากจะมีอาการรุนแรงในผู้ที่มีโรคอื่นเป็นพื้นฐานเช่น มีโรคปอด ทางเดินหายใจ โรคหัวใจ โรคอ้วน สตรีตั้งครรภ์ เด็กเล็ก และคนชราเด็กนักเรียนที่รับโรคไข้หวัดใหญ่ไป อาจไปติดโรคให้กับบุคคลในบ้าน
โดยทั่วไปพบว่าผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 1 ราย แพร่กระจายโรคต่ออีก2 ราย ในเวลา 3-5 วันมาตรการในการป้องกันการระบาดในโรงเรียน โรงงานหรือผู้ที่มีเด็กอยู่หนาแน่น เช่น สถานเลี้ยงเด็กจึงมีความจำเป็นโดยมีการปฏิบัติดังนี้
- ถ้าป่วยหรือสงสัยว่าป่วยไม่ควรไปโรงเรียน ควรพักอยู่บ้าน- เมื่อป่วยให้ใส่หน้ากากอนามัย ลดการแพร่กระจายโรค- เคร่งครัดเรื่องสุขอนามัย ล้างมือ ในกรณีไม่สะดวกใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดแทนการล้างมือ
- เมื่อมีการระบาดในโรงเรียนหรือมีผู้ป่วยในชั้นเรียนป่วยพร้อมกันหลายคน ควรให้ทางโรงเรียนให้คำแนะนำเรื่องการดูแลสุขอนามัย ตรวจวัดอุณหภูมิเด็กนักเรียนก่อนเข้าโรงเรียนหรือชั้นเรียน ถ้ามีไข้ หรือระหว่างเรียนมีไข้ ควรแยกผู้ป่วยให้ให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน
- เน้นเรื่องการดูแลอนามัยส่วนบุคคล กินร้อน ช้อนกลางล้างมือ และใส่หน้ากากอนามัยเมื่อป่วย
- เมื่อป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่ควรพบแพทย์ เพื่อตรวจรักษา รวมทั้งการวินิจฉัยโรค และถ้ามีการพบมีผู้ป่วยจำนวนมาก (หลายสิบคน) ควรแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอบสวนหาสาเหตุ
พบข้อสงสัย โทร.0-2256-4909
|