หลังจากรัฐบาลเตรียมเดินหน้านโยบายจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ให้แก่เด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 1 เพื่อเป็นหนึ่งในการเรียนการสอนนั้น เกิดคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่กับเด็กประถมวัย และเหมาะสมหรือไม่กับยุคสื่อออนไลน์ครอบงำทุกสิ่ง ประกอบกับพ่อแม่ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ก็แทบไม่มีเวลาคอยดูแล และแนะนำการใช้ชีวิตในสื่ออินเตอร์เน็ตด้วยซ้ำ
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)แนะนำว่า การใช้แท็บเล็ต มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งในแง่ของข้อดี เป็นที่แน่ชัดว่า ช่วยในเรื่องการศึกษา การเพิ่มพูนความรู้ โดยในเด็กระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ไม่ถือว่าเร็วเกินไปแต่สิ่งสำคัญและน่าห่วงที่สุดคือ การแบ่งเวลา การดูแลเอาใจใส่ของพ่อแม่ผู้ปกครอง รวมทั้งครูบาอาจารย์ ไม่ใช่เด็กได้มาก็ปล่อยให้พวกเขาใช้ชีวิตกับเครื่องคอมพิวเตอร์ สิ่งเหล่านี้เป็นดาบสองคม เมื่อมีแง่ดีก็ย่อมมีแง่ร้าย ข้อเสียคือ หากเข้าสู่โลกออนไลน์โดยไม่ได้รับคำแนะนำ จะหลุดออกมายากมาก
กลุ่มเด็กวัยนี้กำลังเป็นช่วงแห่งการเลียนแบบ หากปล่อยพวกเขาอยู่กับอินเตอร์เน็ต อยู่กับโลกออนไลน์ นั่นหมายความว่า พวกเขากำลังคิดว่าโลกออกไลน์เป็นเหมือนต้นแบบตรงนี้อันตราย เนื่องจากในสังคมออนไลน์มีทั้งจริงและไม่จริงส่วนใหญ่เป็นภาพมายา ยิ่งในสังคมเฟซบุ๊ก (Facebook)ยิ่งต้องระวัง เพราะจะเป็นการพูดคุยกับคนที่ไม่รู้จัก มีการโชว์ภาพต่างๆ หากไม่ได้รับการกรอง หรือคำแนะนำดีๆอาจเกิดการเลียนแบบในอนาคต
สิ่งสำคัญต้องรู้จักแบ่งเวลา ไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมงต่อวันและต้องบอกจุดประสงค์ให้พวกเขาทราบว่า แท้จริงแล้วแท็บเล็ตมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พวกเขาได้นำมาเรียนรู้ในด้านการศึกษา ไม่ใช่เล่นเกม เล่นอินเตอร์เน็ต และควรให้พวกเขาหลุดจากเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือสื่อสารคอมพิวเตอร์เหล่านี้เสีย โดยดึงพวกเขาไปทำกิจกรรมอื่นๆเช่น เล่นกีฬา เล่นดนตรี การพูดคุยกับครอบครัว หรือการออกไปทานข้าวนอกบ้านด้วยกันเพื่อเสริมสร้างสัมพันธภาพในครอบครัวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
|