หมอแนะตรวจภายในปีละครั้ง
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เนื้องอกมดลูก เป็นก้อนเนื้อที่เจริญเติบโตผิดปกติ โดยเกิดได้ที่ผิวด้านนอกผนังมดลูก อยู่ในเนื้อมดลูก หรืออยู่ในโพรงมดลูก ซึ่งผู้หญิงช่วงอายุ 30-45 ปี มีความเสี่ยงมากที่สุด สำหรับอาการของเนื้องอกมดลูก ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการแสดงใดๆ แต่บางรายก็อาจมีอาการเกิดขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งลักษณะอาการขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ขนาด หรือจำนวนของเนื้องอก โดยอาการที่มักพบได้ เช่น ประจำเดือนมากกว่าปกติ รู้สึกแน่นหรือปวดท้องน้อย หรือท้องน้อยมีขนาดโตขึ้น ปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะลำบาก ปวดหลัง ปวดขา ท้องผูก ถ้ามีอาการเหล่านี้ควรเข้าพบแพทย์ทันที การวินิจฉัยของแพทย์นั้นทำได้จากการตรวจภายใน และยืนยันวินิจฉัยด้วยการอัลตราซาวด์ ซึ่งถ้าตรวจพบในระยะแรกที่เนื้องอกยังมีขนาดเล็ก การรักษาก็จะทำได้ง่ายกว่า
นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเสริมว่า การรักษาเนื้องอกมดลูก แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย ลักษณะของเนื้องอก อัตราการเติบโตของเนื้องอก รวมถึงปัจจัยของผู้ป่วย เช่น อายุ ความต้องการมีบุตร เป็นต้น
ขณะที่ผู้ป่วยบางรายอาจรักษาได้ด้วยการรับประทานยา แต่บางรายอาจต้องรักษาโดยการผ่าตัดเนื้องอกออก หรืออาจจะต้องตัดมดลูกออก ในบางกรณี เช่น เนื้องอกมีขนาดใหญ่มาก หรือมีเลือดออกมาก ปัจจัยของการเกิดเนื้องอกมดลูกนั้น มีหลายปัจจัย เช่นการใช้ยาคุมกำเนิด อาจจะเพิ่มการเจริญเติบโตของเนื้องอกมดลูกได้ กรรมพันธุ์ ฮอร์โมนเพศหญิง หรือพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เสริมฮอร์โมนเพศหญิงมากไป เนื้องอกที่พบส่วนใหญ่เป็นเนื้อดีไม่ใช่เนื้อร้าย อันตรายของเนื้องอกมดลูก คือ การที่มีเนื้องอกขนาดใหญ่แล้วไปมีผลต่อการทำงานของอวัยวะส่วนอื่น เช่น ถ้าเบียดกระเพาะปัสสาวะจะทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น หรือบางรายประจำเดือนมากกว่าปกติ จนบางครั้งเกิดภาวะซีดรุนแรงหรือเรื้อรัง ดังนั้น ผู้หญิงควรรับการตรวจภายในอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อตรวจหาความผิดปกติของมดลูก เพราะการตรวจพบในระยะเริ่มแรกมีผลดีต่อการรักษา |