Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์ข่าวสด [ วันที่ 18/11/2563 ]
ครม.ไฟเขียว กม.ทำแท้ง

แต่ต้องตั้งครรภ์ ไม่เกิน12สัปดาห์
          ครม.ไฟเขียวแก้กฎหมายให้หญิงทำแท้งได้ หลังเมื่อต้นปีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า เป็นการกำจัดสิทธิและเสรีภาพของผู้หญิงเกินจำเป็น แต่อายุครรภ์ต้องไม่เกิน 12 สัปดาห์ และยืนยันที่จะยุติการตั้งครรภ์ เร่งชงสภาผู้แทนราษฎรผ่านให้มีผลบังคับใช้ก่อน 12 ก.พ. ปีหน้า
          เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาที่อยู่ในหมวดของความผิดฐานทำให้แท้งลูก ซึ่งประกอบด้วยมาตรา 301 และมาตรา 305 โดยที่มาของการปรับแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาเพิ่มเติมครั้งนี้ มาจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ระบุว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 301 ที่กำหนดให้หญิงใดทำให้ตัวเองแท้งลูก หรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตัวเองแท้งลูก มีความผิดทางอาญา เป็นการกำจัดสิทธิและเสรีภาพของผู้หญิงเกินจำเป็น
          ถือเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 28 ที่ว่าด้วยบุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย ซึ่งในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นจะมีผลบังคับใช้ 1 ปี นับจากวันที่มีคำวินิจฉัยออกมาโดยปริยาย หากไม่สามารถแก้ไขให้แล้วเสร็จได้ทัน เพราะฉะนั้นจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทำให้ทางครม.มีมติตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค. 2563 ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญานี้ ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และในวันนี้ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ได้นำร่างที่มีการปรับปรุงแก้ไขเข้ามาเสนอให้ทางครม.พิจารณา และได้ให้ความเห็นชอบ
          น.ส.รัชดากล่าวว่า เหตุผลแก้ไขพ.ร.บ.เพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาความผิดฐานทำให้แท้งลูกมี 2 หลัก คือ 1.กำหนดอายุครรภ์สำหรับความผิดฐานหญิงทำให้ตนเองแท้งลูกหรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนเองแท้งลูกขนาดมีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์มีความผิดและต้องรับโทษ เพื่อคุ้มครองสิทธิของหญิงตั้งครรภ์สิทธิและทารกในครรภ์ให้เกิดความสมดุลกัน หรือถ้าอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์สามารถทำแท้งได้โดยมีความผิด
          2.เพิ่มเหตุยกเว้นฐานความผิดทำให้แท้งลูกให้ควบคุมกรณีต่างๆ มากยิ่งขึ้น โดยรายละเอียดของในส่วนที่มีการปรับปรุงแก้ไขก็คือ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 301 ให้หญิงที่มีอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์สามารถทำแท้งได้ จากเดิมที่ห้ามหญิงตั้งครรภ์ทำแท้งโดยเด็ดขาด ซึ่งการกำหนดอายุครรภ์ให้ไม่เกิน 12 สัปดาห์เป็นไปตามความเห็นของแพทยสภา และราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากอายุครรภ์ 12 สัปดาห์นั้นเป็นระยะเวลาที่ปลอดภัยที่สุดในการทำแท้งและไม่มีความเสี่ยงที่จะทำให้ผู้ทำแท้งเกิดอาการแทรกซ้อนและเป็นอันตรายต่อชีวิต
          นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขลดอัตราโทษให้เหมาะสมกับการที่ผู้ทำแท้งต้องได้รับความเจ็บปวดทางร่างกายอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องกำหนดโทษสูงอีก คือ มาตรา 301 หญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูกหรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตัวเองแท้งลูกขนาดมีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากเดิมโทษที่กำหนดไว้ ว่า หญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูกยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนเองแท้งลูก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
          รวมถึงแก้ไขมาตรา 305 เพิ่มเหตุหรือเงื่อนไขในการยกเว้นความผิดฐานทำให้แท้งลูกให้ควบคุมกรณีต่างๆ มากยิ่งขึ้น รายละเอียดคือ มาตรา 305 การกระทำความผิดตามมาตรา 301 หรือมาตรา 302 เป็นการกระทำของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและตามหลักเกณฑ์ของแพทยสภา ในกรณีต่อไปนี้ถือว่าไม่มีความผิด 1.จำเป็นต้องกระทำเนื่องจากหากหญิงตั้งครรภ์ต่อไปจะเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายต่อสุขภาพทางกายหรือจิตใจของหญิงนั้น 2.จำเป็นต้องกระทำเนื่องจากหากทารกคลอดออกมาจะมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะได้รับผลกระทบจากความผิดปกติทางกายหรือจิตใจถึงขนาดทุพพลภาพอย่างร้ายแรง 3.กรณีที่หญิงมีครรภ์เนื่องจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศคือกรณีที่ผู้หญิงถูกข่มขืน 4.หญิงซึ่งมีอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ ยืนยันที่จะยุติการตั้งครรภ์
          สำหรับมาตรา 301 เป็นการให้สิทธิ์กับหญิงที่อุ้มท้องอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ ยืนยันที่จะยุติการตั้งครรภ์ได้ ส่วนมาตรา 305 เป็นการคุ้มครองแพทย์ที่จะดำเนินการทำแท้งให้ในกรณีต่างๆ การปรับปรุงกฎหมายครั้งนี้จะเป็นการส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิของผู้หญิงและชีวิตของทารกในครรภ์อย่างมีดุลยภาพ เป็นการสร้างความมั่นใจต่อบุคลากรทางการแพทย์ในการให้บริการยุติการตั้งครรภ์โดยสมัครใจและลดแรงจูงใจของผู้หญิงในการไปหาหมอเถื่อนทำแท้งซึ่งผิดกฎหมายและไม่ปลอดภัยต่อชีวิต ในส่วนที่กฎหมายอนุญาตให้ทำแท้งทารกในครรภ์ที่มีความเสี่ยงที่จะคลอดออกมาและมีความพิการในเรื่องนี้จะช่วยลดภาวะความตึงเครียดให้กับครอบครัวที่มีความไม่พร้อมในการเลี้ยงดูบุตรที่มีสภาพพิการ
          น.ส.รัชดากล่าวว่า ครม.จะส่งร่างพ.ร.บ.แก้ไขฉบับนี้ ไปยังคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรรับไปพิจารณาโดยด่วน เพื่อให้กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ก่อนวันที่ 12 ก.พ. 2564 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่าถ้าแก้กฎหมายเสร็จไม่ทันภายใน 1 ปี กฎหมายอาญาที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญนี้จะสิ้นผลบังคับใช้โดยปริยาย เพราะฉะนั้นจึงมีความจำเป็นที่ทางสภาจะต้องรับเรื่องนี้และดำเนินการให้มีผลบังคับใช้โดยด่วน

 pageview  1210908    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved