ผศ.น.พ.พิสนธิ์ จงตระกูล คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีการติดเชื้อไมโครพลาสมาในค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.อุตรดิตถ์ ว่า เชื้อดังกล่าวเป็นเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งไม่ได้เป็นเชื้อตัวใหม่ โดยทั่วไปเชื้อจะติดต่อจากการไอจามรดกัน ทำให้เกิดอาการสำคัญ คือ ไอเป็นระยะเวลานาน แต่ไม่ใช่การติดเชื้อที่รุนแรง ซึ่งผู้ติดเชื้อนี้จะมีน้อยกว่าร้อยละ 10 เท่านั้นที่มีอาการรุนแรง คือ ติดเชื้อลงไปที่ระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง หรือทำให้ปอดอักเสบ แต่เมื่อเทียบกับการติดเชื้อของ โรคอื่นๆ มีอัตราความรุนแรงของโรคต่ำและสามารถใช้ยารักษาหายได้หากติดเชื้อลงปอด ส่วนการติดเชื้อบริเวณหลอดลม หรือทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งทำให้เกิดอาการไอไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อแต่รักษาตามอาการโดยการใช้ยาแก้ไอ เป็นต้น
          "การติดเชื้อทางเดินหายใจเกิดขึ้นได้ หากไอจามรดกันโดยตรง หรือสัมผัสเชื้อโดยตรง การป้องกันสุขลักษณะเบื้องต้นด้วยการปิดปากทุกครั้งที่ไอจาม ล้างมือบ่อยๆ ไม่ว่าติดเชื้อประเภทไหน ก็เพียงพอในการป้องกันโรคได้ และหากไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดก็ไม่มีโอกาสติดเชื้อ โดยมักเห็นว่าโรคที่ติดต่อโดยทางเดินหายใจจะเกิดขึ้นในครอบครัว ชั้นเรียน ค่ายทหาร เพราะมีความใกล้ชิดกันมาก" ผศ.น.พ.พิสนธิ์กล่าว
          ผศ.น.พ.พิสนธิ์กล่าวว่า สำหรับโรคติดเชื้อทางเดินหายใจและโรคติดเชื้ออื่นๆ เกิดได้จากหลายช่องทาง ทั้งไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา ซึ่งความรุนแรงขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ ไม่ใช่ประเภทของเชื้อ คือ ไม่ได้หมายความว่าแบคทีเรียจะรุนแรงกว่าไวรัส หรือไวรัสจะรุนแรงกว่าแบคทีเรีย ทั้งนี้ จากการติดตามการดื้อยาของไมโครพลาสมาต่อแมคโครไลด์ในประเทศญี่ปุ่น ยังพบว่ามีอัตราการเพิ่มขึ้นของการดื้อยาในเด็กแต่ยังไม่พบการดื้อยาที่ใช้ในกลุ่มผู้ใหญ่ ซึ่งปัจจุบันถือว่ายาที่มีอยู่สามารถใช้รักษาโรคได้หากเกิดอาการรุนแรงขึ้น