ในโลกแห่งวัตถุนิยม ที่เต็มไปด้วยสิ่งของยั่วเย้า เทคโนโลยีที่ออกใหม่ไม่เว้นแต่ละวัน การป้องกันจิตใจจากสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กๆ ที่ยังไม่อาจแยกแยะสิ่งต่างๆ ได้อย่างถูกต้องหากปราศจากคำแนะนำที่เหมาะสม และเมื่อเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองอย่างเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีและของขวัญยั่วยวนตามาถึง ก็ย่อมทำให้เด็กน้อยหวั่นไหวไปกับสิ่งเหล่านั้นได้
การสอนให้ลูกรู้จักคุณค่าที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ เพื่อสร้างเกราะคุ้มกันจิตใจไม่ให้ลูกน้อยหลงใหลไปกับคำโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ จึงเป็นอีกหน้าที่หนึ่งที่สำคัญของพ่อแม่ในโลกแห่งวัตถุนิยมใบนี้
พญ.รัตโนทัย พลับรู้การ จิตแพททย์เด็กและวัยรุ่น จากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (ร.พ.เด็ก) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข แนะนำว่า พ่อแม่หลายคนคงเคยเจอเหตุการณ์ที่ลูกกลับมาจากโรงเรียนแล้วร้องขอบางสิ่งบางอย่างด้วยเหตุผลว่าเพื่อนๆ ที่โรงเรียนมีกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ วิดีโอเกม หรือสิ่งของฟุ่มเฟื่อยต่างๆ กรณีเช่นนี้เป็นตัวอย่างที่ดีว่าโลกวัตถุนิยมส่งผลต่อลูกหลานของเราอย่างไร หากเราตอบสนองผิด เด็กๆ ก็จะมีความต้องการไม่รู้จบ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มทำ คือ สอนให้ลูกเข้าใจความแตกต่างของสิ่งที่จำเป็นกับสิ่งที่อยากได้โดยอาจนั่งลงถามความคิดเห็นลูกว่าคำสองคำนี้ลูกเข้าใจว่าอย่างไร อะไรคือสิ่งที่จำเป็น และอะไรคือสิ่งที่อยากได้ ควรอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าสิ่งที่นอกเหนือไปจากปัจจัย 4 ล้วนเป็นสิ่งที่อยากได้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต
ดังนั้นจึงควรสอนลูกโดยทำให้เห็นเป็นตัวอย่างตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อลูกโตเข้าสู่วัยเรียนหรือ 7 ขวบขึ้นไปสามารถเข้าใจเหตุผลได้มากขึ้น การชมเชยลูกเมื่อสามารถอดกลั้นต่อสิ่งที่อยากได้ เป็นวิธีการที่จะทำให้ลูกเกิดความภาคภูมิใจ และมีความมุ่งมั่นที่จะทำต่อไป นอกจากนั้นควรเปลี่ยนจากการให้รางวัลลูกด้วยสิ่งของ มาเป็นการให้เวลากับลูกมากขึ้น เช่น แทนที่จะซื้อของเล่นใหม่ให้เมื่อลูกทำคะแนนสอบได้ดี ก็อาจเปลี่ยนเป็นพาลูกไปเที่ยวทะเล เพื่อได้ใช้เวลาร่วมกัน ซึ่งจะทำให้เด็กๆ เข้าใจว่า สิ่งที่มีค่าและทำให้มีความสุขในชีวิตนั้นไม่ใช่สิ่งที่ซื้อหาด้วยเงิน แต่ เป็นการใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขในครอบครัวต่างหาก
ปีใหม่นี้พ่อแม่อาจถือโอกาสเปลี่ยนจากซื้อของให้ลูก เป็นการใช้เวลากับลูกโดยอาจพากันไปเที่ยวทั้งครอบครัว เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการให้เวลากับลูก ฟังลูกให้มาก เพราะจะช่วยให้พ่อแม่เข้าใจความคิดของลูกมากขึ้น และเปิดโอกาสให้คุณได้สอดแทรกแง่คิด และการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสมให้กับลูกได้ สิ่งสำคัญ คือ พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกด้วย เพราะการเรียนรู้ของเด็กๆ มากกว่าครึ่งมาจากการเลียนแบบผู้ใหญ่ใกล้ตัว
|