เมื่อวันที่20 มี.ค. น.พ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงการตรวจสอบโรงพยาบาลที่สั่งซื้อหรือเบิกจ่ายยาสูตรผสมซูโดเอฟริดีนเข้าข่ายผิดปกติ ว่าจากผลการตรวจสอบเบื้องต้นมีรายงานผลแล้ว 3 แห่งคือ ร.พ.อุดรธานี จ.อุดรธานี ร.พ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์และร.พ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ โดยร.พ.ทั้ง 3 แห่งรายงานว่ามีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 5 คนคือ1.ร.พ.อุดรธานี เป็นเภสัชกร 1 ราย หลบหนีไปแล้ว อยู่ระหว่างติดตาม 2.ร.พ.ทองแสนขันจ.อุตรดิตถ์ มีมูลความผิดจริงทั้ง 2 รายคือ เภสัชกรผู้ดำเนินการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล และ3.ร.พ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ทางจังหวัดสอบสวนข้อเท็จจริงพบว่ามีมูลความผิด 2 รายคือเภสัชกรผู้ดำเนินการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล
น.พ.ไพจิตร์กล่าวอีกว่า สั่งการให้บุคคลทั้งหมดเข้ามาทำงานที่ส่วนกลางเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.เป็นต้นไป เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการสอบสวนทางวินัยส่วนร.พ.ดอยหล่อจ.เชียงใหม่ อยู่ระหว่างสอบสวน คาดว่าจะทราบผลในเร็วๆ นี้ ส่วนการสอบสวนทางวินัยทางกระทรวงแต่งตั้ง น.พ.ทวีเกียรติ บุญยไพศาลเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานสอบสวนกรณีร.พ.กมลาไสย โดยจะมีทั้งวินัยร้ายแรงในส่วนของเภสัชกร และวินัยไม่ร้ายแรงในส่วนของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ส่วนที่ร.พ.ทองแสนขัน จากรายงานชัดเจนว่าทั้งเภสัชกรและผู้อำนวยการโรงพยาบาลมีความผิดทางวินัยทั้งคู่ ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงกำลังพิจารณาว่าจะยืนยันผลการสอบดังกล่าว หรือต้องตั้งกรรมการตรวจสอบซ้ำ อยู่ระหว่างรอการพิจารณา แต่จะได้ข้อสรุปภายใน 30 วัน
"หากผลการสอบสวนทางวินัยแล้วเสร็จจะแบ่งออกเป็นโทษวินัยร้ายแรงและวินัยไม่ร้ายแรงโดยโทษทางวินัยร้ายแรงนั้นถึงขั้นปลดออก ให้ออก และไล่ออก ส่วนโทษวินัยไม่ร้ายแรง ตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน และลดเงินเดือน แต่ต้องรอผลการสอบวินัยให้ชัดเจนก่อน" น.พ.ไพจิตร์กล่าว
|