เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารมว.สธ.เป็นประธานประชุมคณะทำงานป้องกันปราบปราม ฟื้นฟูและเยียวยาด้านยาเสพติด สธ. โดยภ.ก.ประพนธ์ อางตระกูล ผอ.กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) รายงานว่า จำนวนยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนในสต๊อกยาของบริษัทผู้ผลิต ที่สำรวจเมื่อวันที่ 20 ม.ค. มีประมาณ 66 ล้านเม็ด ส่วนโรงพยาบาลรัฐมี 21 ล้านเม็ด ส่งคืนยาดังกล่าว
          แล้วกว่า 6 ล้านเม็ด คาดว่าใน 1 ปี จะใช้ยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนหมด อย.จะพิจารณาว่าสมควรมีการใช้ต่อไปหรือไม่ เนื่องจากสอบถามไปยังราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์ แห่งประเทศไทย และสถานพยาบาลรัฐ เห็นว่าไม่มีความจำเป็น เนื่องจากมียาซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยวอยู่แล้ว
          นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ โฆษกคณะทำงานฯ กล่าวว่า การประชุมยังได้พูดถึงหลักฐานเอกสารที่ร.พ.กมลาไสย ซึ่งได้มอบให้ดีเอสไอไป แต่กลับพบว่ามีผู้ส่งอีเมล์เอกสารนี้ไปยังคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร โดยผู้ส่งข้อมูลคือคนในคณะทำงานฯ ซึ่งแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว ขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง
          น.พ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการ อย. กล่าวถึงการเปิดเผยข้อมูลยาอันตรายอีก 5 ชนิด ซึ่งยังมีวางจำหน่ายในร้านขายยาทั่วไป เช่น ยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของ Diphenhydramine หรือPromethazine หรือ Dextromethorphan ยาสเตียรอยด์ (Steriod) ชนิดเม็ดรับประทาน และยาแก้ปวด Tramadol ว่า ยากลุ่มนี้เป็นยาอันตรายที่อย. จับตาดูเป็นพิเศษอยู่แล้ว แม้นำไปทำสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดไม่ได้ แต่ใช้ฤทธิ์ข้างเคียงแทนสารเสพติดได้ ที่ผ่านมาพบใช้ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้
          น.พ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ยาซูโดฯ ที่จับได้ร้อยละ 18 หลุดออกมาจากวงการสาธารณสุข และอีก 83 เปอร์เซ็นต์เป็นยาที่ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ตอนนี้รัฐบาลได้เข้าควบคุมทั้งสองกรณี