เด็กในยุคดิจิตอล นอกจากจะเผชิญกับแรงกดดันจากการเรียนแล้ว ยังถูกโลกแห่งเทคโนโลยีครอบคลุมแบบไม่รู้ตัว ทั้งการดุโทรทัศน์ เล่นวิดีโอเกม ท่องโลกไซเบอร์ ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นสาเหตุให้น้องๆ ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน จนไม่ได้ออกกำลังกาย รวมถึงการเลือกรับประทานอาหาร เพราะเด็กสมัยนี้นิยมเลือกอาหารโดยพิจารณาจากรสชาติ ความสะดวก ราคา และอาหารที่ "อินเทรนด์" มากกว่าจะคำนึงถึงคุณค่า ซูซาน โบเวอร์แมน ที่ปรึกษาของเฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นเนล ลิมิเต็ด มีข้อแนะนำถึงการรับมือเจ้าตัวน้อยให้สดใสและมีสุขภาพดีแบบ "ฉลาดเล่น ฉลาดกิน" ด้วยวิธีง่ายๆ
เริ่มที่ ปลูกฝังพฤติกรรมการกินผักและผลไม้ตั้งแต่เยาว์วัย เพียงจัดผลไม้วางไว้ที่โต๊ะรับแขก โต๊ะอาหารหรือบริเวณที่เด็กๆ มองเห็นและหยิบรับประทานได้ง่าย การไปจ่ายตลาด นอกจากเด็กๆ จะสนุกจากการเดินจับจ่ายซื้อของแล้ว บทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างการช่วยเหลือผักผลไม้ จะยิ่งเพิ่มสีสันให้การจ่ายตลาดเป็นเรื่องี่ "พลาดไม่ได้"
การได้รับบทบาทเป็น "พ่อครัว-แม่ครัวฝึกหัด" จะทำให้เด็กๆ มีแนวโน้มที่จะรับประทานอาหารมากกว่าปกติ เพราะจะเกิดความภาคภูมิใจที่ได้รับประทานอาหารจากฝีมือตัวเอง และถ้าต้องการให้เด็กๆ ทดลองรับประทานอาหารใหม่ๆ บทบัณญัติที่คุณพ่อคุณแม่ต้องท่องให้ขึ้นใจและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ "อดทนและอดทน" นอกจากนี้หากเด็กๆ ได้รับการปลูกฝังให้บริโภคแต่อหารที่มีประโยชน์ โดยมีผู้ปกครองเป็นแบบอย่าง ก็มั่นใจได้ว่าต่อไปเขาจะต้องก๊อบปี้ลักษณะเหล่านั้นมาอย่างแน่นอน
จากผลการวิจัย การเสิร์ฟอาหารเฉพาะที่โต๊ะอาหาร มีแนวโน้มที่เด็กจะรับประทานอาหารจนเกลี้ยงจาน ทั้งยังจะเรียนรู้ว่า "เมื่ออาหารเกลี้ยงจาน" คือเวลาสิ้นสุดการรับประทานอาหาร รวมถึง ฝึกวินัย "ลด-ละ-เลิก" พฤติกรรมกินๆ นอนๆ เช่น การนั่งดูทีวีเป็นเวลานานๆ เล่นเกมออนไลน์ โดยที่ไม่ลุกไปเปลี่ยนอิริยาบถเลย นอกจากจะช่วยให้ไม่ฉุกละหุกแล้ว ยังลดความกังวลในเรื่องการจัดเมนูอาหารในมื้อหน้าอีกด้วย
เปลี่ยนของว่างให้ลูกๆ จากขนมขบเคี้ยวและน้ำอัดลมให้เป็นของว่างสุดเฮลตี้ อาทิ ถั่ว ผลไม้ โยเกิร์ต ชีส ธัญพืชเพื่อสุขภาพ ฯลฯ และสุดท้าย หากิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความกระปรี้กระเปร่า ส่งเสริมการเคลื่อนไหวเพื่อออกกำลังกายไปในตัวแบบง่ายๆ หรือชักชวนให้ใช้การ "เดิน" มากกว่าการขับรถ เมื่อต้องการไปซื้อของที่หน้าปากซอย เป็นต้น
เพียงเท่านี้...ลูกน้อยก็จะสดใสและสุขภาพดีกันถ้วนหน้า | 
