|
หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก [ วันที่ 23/07/2555 ] |
|
|
|
|
ไทยติดโผป่วยวัณโรคมากที่สุดสาธารณสุขหวังผู้ติดเชื้อลดลง |
|
|
|
|
กทม.สร้างเครื่อข่ายแพทย์พยาบาลค้นหาผู้ป่วยวัณโรคเชิงรุก มั่นใจโรคนี้จะลดลงไปเรื่อยๆ
พญ.มาลินี สุขเวชกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครกล่าว หลังเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการตควบคุมป้องกันวัณโรคในโรงพยาบาลพื้นที่กรุงทพมหานคร ว่า แม้สถานการณ์วัณโรค ในกรุงเทพฯ จะดีขึ้นเป็ฯลำดับ แต่ยังมีความกังวล ที่ประเทศไทยเป็น 1 ใน 22 ประเทศที่มีผู้ป่วยวัณโรคมากที่สุด
เนื่องจากปัจจุบันคนกรุงเทพมหานครได้รับรางวัลมหานครที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลกต่อเนื่องกัน 3 ปี แต่ยังมีผู้ป่วยวัณโรคจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นปัญหาสาธารณสุขและภาพลักษณ์ของเมือง จึงจำเป็นยิ่งที่กทม. จะต้องพัฒนาบุคลากรแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการควบคุมป้องกันวัณโรค ให้มีการรักษาดูแลผู้ป่วยวัณโรคให้เป็นไปแนวทางเดียวกัน ตามมาตรฐานการคบวบคุมวัณโรคแห่งชาติ และเป็นภาคีเครือข่ายร่วมกันอย่างจริงจัง
ขณะเดียวกัน ถือเป็นภารกิจของสถานพยาบาลทุกแห่งในการรักษาและค้นหาผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงต่างๆที่มาเข้ารับบริการ อีกทั้งค้นหาเชิงรุกในพื้นที่ให้ครอบคลุมประชากรทุกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้การแกไขปัญหาวัณโรคเดินหน้าอย่างรวดเร็ว สามารถลดจำนวนผู้ป่สย และป้องกันไม่ให้เกิดผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ รวมถึงทำให้กรุงเทพมหานครปลอดวัณโรคต่อไป
ด้านนพ.โกวิท ยงวานิช รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. รายงานถึงสถานการณ์ การแพร่ระบาดเชื่อวัณโรคว่า องค์การอนามัยโลกได้จัดอันดับให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 22 ประเทศทั่วโลกที่ยังมีผู้ป่วยวัณโรคมากที่สุด ซึ่งในส่วนของพื่นที่กรุงเทพฯคาดการณ์ว่าแต่ละปีจะมีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ทุกประเภทรวมกัน 10,515 ราย โดยเป็นผู้ป่วยระยะแพร่เชื้อ 5,084 ราย
จากการดำเนินงานของสถานพยาบาลในพื้นที่กรงเทพณ สามารถรักษาหายได้ ร้อยละ 78 ขณะที่องค์การอนามัยโลกกำหนดว่าจะต้องรักษาให้หายมากกว่าร้อยละ 87 จึงจะลดปัญหาการแพร่กระจายเชื้อได้ ซึ่งถือว่าความก้าวหน้ายังต่ำกว่าเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้
อย่างไรก็ตามในปี 2555 กรมการควบตุมโรคกระทรวงสาธารณสุข ได้รับการสนับสนุนงบประมาณกองทุนโลกด้านวัณโรค (Single Steam Funding หรือSSF)มีเป้าหมายดำเนินการส่วนใหญ่อยู่ที่พื้นที่กรุงเทพฯ ได้แก่ สถานพยาบาลภาครัฐเอกชน และศูนย์บริการสาธารณสุขในกรุงเทพฯ ที่เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งการค้นหาผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงชุมชน สถานบริการ และกลุ่มแรงงานข้ามชาติในพื้นที่ 50 เขต |
| | |
|
|