นพ.ประทีป ธนเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการจัดทำเกณฑ์มาตรฐานเดียวในการให้บริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายและผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ สำหรับผู้ใช้สิทธิทั้ง 3 กองทุน ได้แก่ ประกันสังคม (สปส.) หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือ 30 บาทรักษาทุกโรคและสิทธิสวัสดิการข้าราชการ ว่า มาตรฐานผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ดำเนินการโดยสมาคมโรคไตวายแห่งประเทศไทยฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว แบ่งเป็น 2 ข้อ 1.เกณฑ์วินิจฉัย 2.กรณีผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้าย มีความเห็นว่าให้ใช้มาตรฐานของสมาคมโรคไตฯ กำหนดใน 2 กรณี ได้แก่ กรณีที่ความสามารถในการกรองปัสสาวะของไตน้อยกว่าหรือเท่ากับ 6 ซีซีต่อนาที ให้ถือว่าเป็นผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้ายและกรณีที่ผู้ป่วยไตมีความสามารถในการกรองปัสสาวะของไตมากกว่า 6 ซีซีต่อนาทีแต่ไม่เกิน 15 ซีซีต่อนาที และต้องมีภาวะอื่นที่เกิดจากไตแทรกซ้อนด้วยถึงจะเรียกว่าเป็นผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้าย ทั้งนี้ ในกรณีเกิดข้อถกเถียงกัน วึ่งภายในเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีการหารือกันอีกครั้ง
นพ.สรกิจ ภาคีชีพ ผู้จัดการอาวุโสโรคเอดส์เพื่อบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยและผู้ป่วยวัณโรค สปสช. กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ การให้ยาต่อเนื่องเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ รวมถึงการเจาะเลือดเพื่อตรวจทางห้องปฏิบัติการทั้ง 3 กองทุนได้สิทธิในการเจาะตรวจเท่ากัน ทั้งนี้ ผู้ป่วยเอดส์จะมีการใช้ฐานข้อมูลในการรักษาเดียวกันของ 3 กองทุน ซึ่งในเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีการอบรมการใช้โปรแกรมที่มีฐานข้อมูลของผู้ป่วยโปรแกรมเดียวกัน
"การรักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายและผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ เสมือนติดกระดุมที่ต้องติดเม็ดแรก เช่นเดียวกับมาตรการนี้ที่ออกมาเฟสแรก แต่ต้องมีการพัฒนาในเฟสที่ 2 ต่อไปต้องมีการปรับมาตรฐานกันไป" นพ.สรกิจกล่าว. |