เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ภญ.รศ.ธิดา นิงสานนท์ นายกสภาเภสัชกรรม เปิดเผยถึงผลการหารือร่วมกับ 8 องค์กรวิชาชีพเภสัชกรรมจากเครือข่าย สมาคม ชมรมวิชาชีพเภสัชกรรม ได้แก่ สมาคมเภสัชกรรม รพ.สมาคมเภสัชกรรมชุมชน สมาคมเภสัชกรการตลาด สมาคมเภสัชกรการอุตสาหกรรม สมาคมเภสัชกรด้านทะเบียนผลิตภัณฑ์และกฎหมาย ชมรมเภสัชกรสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ชมรมเภสัชกร รพ.กระทรวงสาธารณสุขและชมรมเภสัชกร รพ.ชุมชน กรณียาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนว่า กว่า 3 เดือนที่เป็นข่าวเรื่องนี้ ทางสภาเภสัชกรรมและองค์กรวิชาชีพเภสัชกรรมไม่ได้นิ่งเฉยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ได้เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อหาแนวทางแก้ไข ประเด็นสำคัญของการเกิดปัญหาคือ ปล่อยให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งดำเนินการในเรื่องการสั่งซื้อและการเบิกจ่ายยาเองทั้งหมด ซึ่งเป็นจุดอ่อนทำให้เกิดการทุจริตได้ง่าย โดยได้ร่วมกันวิเคราะห์หาจุดอ่อนทั้งระบบ และพิจารณาว่าวิชาชีพเภสัชกรรมจะร่วมกันสร้างมาตรการเสริม เพื่อช่วยอุดช่องว่างของระบบป้องกันปัญหาการรั่วไหลของยาดังกล่าว รวมถึงยากลุ่มเสี่ยงอื่น ๆ ไม่ให้มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด ที่อาจก่อให้เกิดปัญหากับสังคมในอนาคต
ภญ.รศ.ธิดา เปิดเผยต่อว่า ดังนั้นทุกหน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้องต้องทำงานผสานกันอย่างเป็นระบบ ที่สำคัญต้องสร้างความเข้มแข็งของกลไกการรายงานข้อมูลที่ชัดเจน และมีมาตรการตรวจสอบที่เข้มงวดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นทาง ระหว่างทาง และปลายทาง โดยสรุปเป็นแนวทาง 3 มาตรการ ประกอบด้วย 1. มาตรการแก้ไขในระบบการผลิต การจำหน่าย การกระจายยาของผู้ผลิต และผู้จำหน่าย 2. กระบวนการสั่งซื้อของโรงพยาบาล และ 3. กระบวนการจ่าย หรือขายยาของเภสัชกร โดยทางสภาเภสัชกรรมยังมีมาตรการลงโทษผู้กระทำผิดที่เข้มข้นอีกด้วย หากพบว่าสมาชิกสภาเภสัชกรรมท่านใด มีเจตนาในการที่จะกระทำผิดในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดชัดเจน สภาเภสัชกรรมก็จะพิจารณาลงโทษถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตได้ ตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดให้ไว้. |