Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 24/05/2555 ]
ตร.-สธ.จับตาขบวนการทำแท้งเถื่อน หวั่นโยงใยแก๊งขาย'กุมารทอง'ส่งออก

 ถือเป็นเรื่องราวสร้างความฮือฮา ! จนบรรดาสื่อต่างประเทศต่างก็ให้ความ

สนใจ ภายหลังจาก พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.ดส. (กองกำกับการสวัส

ดิภาพเด็กและสตรี บช.น.)และ พ.ต.ท.คฑายุทธ โรจน์วงศ์สุริยะ สว.กก.ดส.

นำกำลังจับกุมตัว นายโจว ฮอง ฮุน อายุ 28 ปี ชาวไต้หวัน พร้อมของกลางที่

เล่นเอาตื่นตะลึงไม่น้อย เนื่องจากของกลางที่พบเป็น ซากศพเด็กทารก 6 ศพ

บางซากอยู่ในสภาพแห้งกรัง อวัยวะค่อนข้างสมบูรณ์ บางซากศพอยู่ใน

สภาพผ่านการทำพิธีลงรักปิดทอง เหมือนผ่านการปลุกเสกลงอักขระภาษา

ขอมโบราณ มัดสายสิญจน์ ทำเป็น "กุมารทอง" มาแล้วเรียบร้อย บรรจุอย่าง

ดีภายในกล่องกระดาษ ตำรวจติดตามจับกุมนายโจว ฮอง ฮุน ได้ที่โรงแรม

แห่งหนึ่งย่านเยาวราช เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา
          คดีนี้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ ได้นำตัวผู้ต้องหาและของกลางนำส่งตำรวจเจ้า

ของพื้นที่ สน.พลับพลาไชย 2 เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิด

ฐานลักลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพหรือชิ้นส่วนของศพเพื่อปิดบัง

การเกิด การตาย หรือเหตุแห่งการตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา

199 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้ง

จำทั้งปรับ ส่วนที่มาของการจับกุมครั้งนี้ ตำรวจได้รับการร้องเรียนว่า มีการนำ

เสนอขาย "ซากทารก"ผ่านทางเว็บไซต์ของต่างประเทศ ระบุว่าเป็น "กุมาร

ทอง" ที่ผ่านการทำพิธีปลุกเสกในประเทศไทย
          นายโจว ฮอง ฮุน ให้การอ้างว่า ได้ซื้อซากศพทารกมาจากชายชาว

ไต้หวันที่อยู่ในประเทศไทยราคา 2 แสนบาท เพื่อนำกลับไปขายยังประเทศ

ไต้หวัน เนื่องจากมีบางกลุ่มที่นิยมด้านไสยศาสตร์เชื่อกันว่าหากนำ "กุมาร

ทอง"ไปบูชาแล้วจะช่วยให้ทำการค้าเจริญรุ่งเรืองมีเงินทองมั่งคั่ง
          อย่างไรก็ดีเรื่องราวของการจับกุมการซื้อขาย ซากทารก  ถือเป็น

เรื่องที่ไม่ธรรมดาเพราะเป็นการจับกุมได้แบบคาหนังคาเขา ก่อนหน้านี้อาจ

จะมีเพียงแค่การพูดคุยกันในกลุ่มว่า มีบางประเทศให้ความสนใจซากทารก

ที่ผ่านการปลุกเสกทำเป็นกุมารทองในเมืองไทย มีการสั่งซื้อขายส่งออก

ต่างประเทศกันมานานแล้ว แต่เพิ่งมาจับกุมกันได้แบบคาหนังคาเขาเผยแพร่

ต่อสาธารณชนให้รับทราบเป็นครั้งแรก  นอกจากจะมีสื่อมวลชนในเมืองไทย

รายงานข่าวแล้ว สื่อต่างประเทศยังให้ความสนใจมาร่วมตีแผ่ไปทั่วโลก
          ที่สำคัญเหตุการณ์คดีจับซากทารกยังมีสิ่งลี้ลับเหลือเชื่อติดตามมาให้

เห็น เรียกว่าใครไม่เชื่อก็ไม่กล้าลบหลู่ แรงเฮี้ยนของซากทารกไม่ธรรมดา

เพราะก่อนจะมีการจับกุม มีคนร่ำลือว่าได้ยินเหมือนเสียงเด็กร้องขอความ

ช่วยเหลือออกมาจากในห้องเกิดเหตุที่โรงแรม แต่ที่เล่นเอาฮือฮาขนหัวลุก

ยิ่งขึ้น หลังจากมีการนำของกลางไปเก็บไว้ใน สน.พลับพลาไชย 2 ก่อนจะ

ถูกส่งไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช ช่วงกลางคืนมีตำรวจหญิงได้ยินเสียงเด็กร้อง

ทำให้ตอนเช้าต้องมีการจุดธูป ซื้อขนม น้ำหวาน ของเล่นมาเซ่นไหว้กันเลยที

เดียว
          ต้องยอมรับว่าในสถานการณ์โลกยุคปัจจุบัน แม้วิทยาศาสตร์จะก้าว

ล้ำทันสมัยไปมากเพียงใด แต่เรื่องราวความเร้นลับของไสยศาสตร์ก็ยังมีมนต์

เสน่ห์ที่ผู้คนในหลายประเทศทั่วโลกยังคงหลงใหล บ้างก็ศึกษาอย่างจริงจัง

เช่นเดียวกัน เพราะก่อนหน้าจะมีการจับกุม "ซากทารก" เพื่อส่งออกไปขาย

ต่างประเทศนั้น ช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย

ผบ.ตร. พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.ภ.1   เพิ่งจะแถลงจับกุม

ผู้ต้องหาร่วมกันลักลอบขาย "หัวกะโหลก" เพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมไสย

ศาสตร์ ผู้ต้องหา 3 คน คือ นายศิงขร เครือแดง อายุ 42 ปี ฉายา "อาจารย์

พจน์" ภูมิลำเนา อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี อาชีพรับประกอบพิธีกรรมไสยศาสตร์

พร้อมลูกน้อง 2 คน นายนิพนธ์ ศรีสุข และ นายวรเชษฐ์ ถาวรเพียร
          การจับกุมสืบเนื่องจากช่วงกลางเดือนเม.ย. มีคนไปพบ "หัวกะโหลก"

บรรจุกระสอบปุ๋ยลอยน้ำมาติดตอม่อใต้สะพานข้ามคลองสิบสาม ถนนรัง

สิต-นครนายก ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี สภาพกะโหลกทั้งหมดจะถูกของมีคม

เจาะหน้าผากและกระดูกบริเวณกระหม่อมออกไปทั้งหมด เชื่อว่านำไป

ประกอบพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ เรียกว่า "ปั้นเหน่ง" เพื่อใช้ทำคุณไสยหรือ

เสน่ห์ยาแฝดจึงสร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านอย่างมาก ต่อมาตำรวจ

ชุดสืบสวนบก.สส.ภ.1 ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี แยกย้ายกันแกะรอย

หลักฐานจนได้เบาะแสว่านายวรเชษฐ์ เคยตระเวนหาหัวกะโหลกไปขายให้

นายศิงขร โดยจะแอบไปขโมยหัวกะโหลกมาจากโกดังเก็บศพตามวัดและ

สุสานต่าง ๆ ไปขายราคา 1,200 บาท
          ส่วนคดีจับกุม "ซากทารก" ยังไม่จบง่าย ๆ เพราะ พล.ต.ต.สมบูรณ์

ตันตระกูลผบก.สถาบันนิติเวช ได้มอบหมายให้ทีมแพทย์พิสูจน์ซากทารก

ดังกล่าวเป็นสภาพบุคคลเริ่มตั้งแต่คลอดแล้วอยู่รอดสามารถหายใจได้แล้ว

หรือไม่ และเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด เพศใด เพราะมีอยู่ 2 ซากน่าจะเป็น

สภาพบุคคลแล้ว เนื่องจากทางอัยการเห็นว่าสำนวนคดีจะต้องแน่นหนากว่านี้

ไม่เช่นนั้นหากคดีถึงศาลอาจจะถูกยกฟ้องได้
          ล่าสุดทางกระทรวงสาธารณสุขก็ได้ให้ความสนใจเช่นกัน ส่งเจ้า

หน้าที่มาประสานขอข้อมูลกับ พ.ต.อ.วิวัฒน์ ผกก.ดส. เพราะสงสัยว่าขบวน

การซื้อขาย "กุมารทอง" อาจโยงใยไปถึงกลุ่มทำแท้งเถื่อน เนื่องจากสภาพ

ซากศพที่พบค่อนข้างสมบูรณ์จึงอาจเป็นไปได้ว่ามีคลินิกเถื่อนบางแห่งที่

ลักลอบแอบทำแท้ง จะเลือกสภาพซากทารกที่สมบูรณ์ขายให้กับกลุ่มรับ

ซื้อซากทารกเพื่อจะไปปลุกเสกทำกุมารทอง แล้วประกาศขายทางเว็บไซต์

ให้กับต่างประเทศ
          ขณะนี้ตำรวจ ดส. กำลังเร่งแกะรอยตรวจสอบข้อมูลหลักฐานเพื่อสาว

ไปถึงแหล่งที่นำซากทารกมาขายให้กับผู้ต้องหาต่างชาติ ทราบว่าต้นตออยู่

ในพื้นที่ปริมณฑลใกล้กับกรุงเทพมหานคร.

 pageview  1210921    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved