|
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 17/08/2563 ] |
|
|
|
|
กรมควบคุมโรคชูมาตรการดูแลสุขภาพ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค..รับมือไข้เลือดออก |
|
|
|
|
"โรคไข้เลือดออก" เป็นโรคที่รู้จักกันมานาน เป็นโรคติดเชื้อไวรัสเดงกี่ที่มียุงลายเป็นพาหะ โรคนี้จะพบมากในประเทศเขตร้อนและเขตอบอุ่น และได้กลายเป็นปัญหาสาธารณสุขและการแพทย์ของหลายประเทศทั่วโลก โรคไข้เลือดออกได้แพร่กระจายอย่างกว้างขวางจนทำให้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมาก ใน 30 ปีที่ผ่านมา มากกว่า 100 ประเทศที่กลายเป็นโรคประจำถิ่น และเป็นโรคที่คุกคามสุขภาพของประชากรโลกมากกว่าร้อยละ 40 (2,500 ล้านคน)ในขณะที่ยังพบการระบาดของโรคนี้อยู่เป็นระยะโดยจะพบการระบาดมากในช่วงฤดูฝนเพราะมียุงลายชุกชุม ฤดูฝนนี้!!กรมควบคุมโรคแนะมาตรการ "3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค" รับมือโรคไข้เลือดออกภัยร้ายใกล้ตัว
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรคเปิดเผยว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคไข้เลือดออก ของกรมควบคุมโรค ในปี 2563 ณ วันที่ 5 สิงหาคม 2563 มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสะสมทั่วประเทศ 38,004 ราย เสียชีวิต 27 ราย และจากข้อมูลการกระจายของผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกรายภาค พบว่าภาคที่อัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (82.52) รองลงมาได้แก่ ภาคเหนือ (56.85) ภาคกลาง(40.60) และภาคใต้(38.92)ตามลำดับ โดยพบว่าอัตราป่วยโรคไข้เลือดออกตามกลุ่มอายุ ต่อประชากรแสนคนสูงสุด คือกลุ่มอายุ 5-14 ปี (185.96) รองลงมาคืออายุ 15-24 ปี(112.37)และอายุ 0 - 4 ปี(64.19)ตามลำดับ ในขณะที่กลุ่มอายุ 45-54 ปีและ 55-64 ปีมีอัตราป่วยตายสูงที่สุด(ร้อยละ 0.17) ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้แก่ มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน ทานยาในกลุ่ม NSAIDS เช่น Ibuprofen และจากการที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาช้า
"โรคไข้เลือดออก" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสเดงกี่พบมากในประเทศเขตร้อนและเขตอบอุ่น โรคนี้ติดต่อกันได้โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค เมื่อยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดผู้ป่วยที่อยู่ในระยะไข้ ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือดมาก เชื้อไวรัสจะเข้าสู่กระเพาะยุง และเพิ่มจำนวนมากขึ้นแล้วเดินทางเข้าสู่ต่อมน้ำลาย โดยเชื้อไวรัสจะใช้เวลาฟักตัวในยุงประมาณ 8-10 วัน เมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสเดงกี่ไปกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูกกัดซึ่งเชื้อจะฟักตัวในคนประมาณ 5-8 วัน และเมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายก็จะทำให้คนนั้นป่วยได้ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการของโรค ตั้งแต่เริ่มมีอาการของไข้เลือดออก คือ ไข้ขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ติดต่อกันประมาณ 3-7 วัน หน้าแดง ปวดศีรษะ บางคนจะบ่นปวดรอบกระบอกตา ปวดเมื่อยแขนขา ปวดกระดูกและอาจมีผื่นแดงตามตัว ซึม เบื่ออาหาร ปวดท้อง อาเจียน ซึ่งผู้ป่วยบางรายแค่มีอาการไข้ขึ้นสูงพอไข้ลดก็กลับบ้านได้เลย แต่ผู้ป่วยบางรายอาการหนัก จนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเชื้อที่ได้รับและภูมิต้านทานโรคของตัวผู้ป่วย จึงทำให้ความรุนแรงของอาการไข้เลือดออกในแต่ละคนไม่เท่ากัน
จึงขอแนะนำประชาชนและทุกหน่วยงาน ร่วมกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณบ้านและในชุมชน ตามมาตรการ "3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค" ดังนี้ 1.เก็บบ้านให้สะอาด เช่น พับเก็บเสื้อผ้าใส่ในตู้หรือแขวนให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง 2.เก็บขยะที่อยู่บริเวณรอบบ้าน เก็บภาชนะใส่อาหารหรือน้ำดื่มที่ทิ้งไว้ใส่ถุงดำ และนำไปทิ้งลงถังขยะ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และ 3.เก็บน้ำ ภาชนะที่ใส่น้ำเพื่ออุปโภค บริโภค ต้องปิดฝาให้มิดชิด ล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำ และเปลี่ยนน้ำในกระถางหรือแจกันทุกสัปดาห์ ป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ ซึ่งจะสามารถป้องกันได้ 3 โรค คือ 1.โรคไข้เลือดออก 2.โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และ 3.โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา นอกจากนี้ ประชาชนสามารถป้องกันไม่ให้ยุงกัดได้ โดยสวมใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว ใช้สารไล่ยุงชนิดต่างๆ เช่น DEET ใช้กลิ่นกันยุง เช่น ตะไคร้ หรือสารเคมีอื่นๆ นอนในมุ้ง และหากมีอาการไข้สูงปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หน้าแดง มีผื่น มีรอยจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกตามลำตัว แขน ขา เบื่ออาหาร จุกแน่นลิ้นปี่ หรือสงสัยว่าป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก ให้ไปพบแพทย์โดยเร็ว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422. |
| | |
|
|