นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ เปิดเผยว่า เนื่องจากระยะนี้อากาศเริ่มเย็นลงและมีความชื้นสูงเหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสเป็นอย่างมาก และจากสภาพอากาศที่แปรปรวนมีฝนตกชุก ประชาชนจึงควรเฝ้าระวังโรคที่มักจะพบได้ในช่วงฝนตกหนัก แบ่งได้ 5 กลุ่มใหญ่ คือ1.โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ ที่พบบ่อยได้แก่ โรคหวัด โรคไข้หวัดใหญ่ โรคคออักเสบ โรคหลอดลมอักเสบ และโรคปอดอักเสบ 2.กลุ่มโรคติดต่อที่เกิดจากยุงเป็นพาหะนำโรค ได้แก่ ไข้เลือดออก 3.กลุ่มโรคติดเชื้อผ่านทางบาดแผลหรือเยื่อบุผิวหนัง ได้แก่ โรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) หรือที่รู้จักกันในชื่อโรคไข้ฉี่หนู 4.กลุ่มโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร ที่พบบ่อยได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน และโรคอาหารเป็นพิษ 5.กลุ่มโรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดง
นอกจากนี้ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง โดยควรหลีกเลี่ยงอยู่กลางแจ้งในขณะฝนตกฟ้าคะนอง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ต้นไม้สูง เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา ควรหลบในตัวอาคารที่ติดตั้งสายล่อฟ้า จะช่วยป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า ไม่ควรใช้โทรศัพท์ เปิดคอมพิวเตอร์ เล่นอินเทอร์เน็ต ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุหรืออยู่ใกล้ประตูหน้าต่าง ที่มีส่วนประกอบเป็นโลหะในขณะฟ้าร้องฟ้าผ่า หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เพราะกระแสไฟจากฟ้าผ่าอาจไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสื่อไฟฟ้าต่าง ๆ ทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ และกรณีอยู่ในรถ ควรปิดกระจกทุกบาน และ ไม่ควรออกจากรถโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ หากเกิดภาวะน้ำท่วมขัง ไม่ควรเดินลุยน้ำท่วมขังเพราะน้ำที่ท่วมขังอาจมีกระแสไฟฟ้ารั่วทำให้เกิดไฟดูดหรือไฟฟ้าช็อต สำหรับการช่วยเหลือผู้ถูกฟ้าผ่าและผู้ประสบอุบัติเหตุ ต้องประสานขอความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว โดยประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของที่เกิดเหตุและโทรฯแจ้งขอความช่วยเหลือจากศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) ผ่านหมายเลข 1669 พร้อมแจ้งข้อมูลผู้ประสบอุบัติเหตุ และสถานที่เกิดเหตุ เพื่อให้หน่วยบริการมาปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว |