หลังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ยกเลิกสัญญาหน่วยบริการในพื้นที่กรุงเทพฯ 200 แห่ง ซึ่งมีประชาชนที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือที่เรียกกันว่า สิทธิบัตรทอง ได้รับผลกระทบเรื่องการรักษาพยาบาลจำนวนมาก ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร ยอมรับหลายคนที่ทราบข่าวดังกล่าวล้วนเกิดความวิตกกังวลว่าหากป่วยขึ้นมาในวันนี้พรุ่งนี้จะทำอย่างไร แล้วคนป่วยที่ต้องรักษาต่อเนื่อง ต้องผ่าตัด จะต้องทำอย่างไร ซึ่งในขณะนี้ยืนยันว่าทุกคนที่มีสิทธิบัตรทองยังคงถือสิทธิดังกล่าวอยู่ เพียงแค่เป็นสถานะ สิทธิว่าง ซึ่งหมายความว่า หากเจ็บป่วยก็ยังสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการบัตรทองของรัฐและเอกชนที่ใดก็ได้ที่เป็นภาคีเครือข่ายของ สปสช. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะหน่วยบริการจะเบิกค่าใช้จ่ายตามสิทธิมายัง สปสช.เอง
          จากการสำรวจผู้มีสิทธิบัตรทองซึ่งเป็นบุคคลที่มีทะเบียนบ้านในพื้นที่กรุงเทพฯ ล่าสุดพบผู้มีจำนวน 3-4 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้ได้รับผล กระทบ หรือ สิทธิว่าง 1.8-2 ล้านคน ขณะที่ปัจจุบันมีผู้ใช้สิทธิเข้ารับการรักษาเป็นประจำต่อเนื่องประมาณ 4 แสนคน ทั้งนี้ หากต้องการทราบสิทธิว่าอยู่ที่ รพ.ใด หรือสถานะตามบัตรทองเป็นอย่างไร แนะนำให้ตรวจสอบผ่านช่องทางออนไลน์ อาทิ ไลน์ @ucbkk หรือ ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น สปสช. โทรฯสายด่วน สปสช. 1330 ตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่ไม่สะดวกติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถมายื่นได้ด้วยตนเองที่หน่วยบริการ สปสช. สำนักงานเขต 19 แห่ง ได้แก่
          คลองสามวา คลองเตย ธนบุรี บางกะปิ บางขุนเทียน บางพลัด บางแค ประเวศ พระโขนง มีนบุรี ราชเทวี ราษฎร์ บูรณะ ลาดกระบัง ลาดพร้าว สายไหม หนองจอก หนองแขม หลักสี่ และห้วยขวาง สำหรับผู้ป่วยที่รักษาต่อเนื่อง ในโรคต่าง ๆ เช่น ทำคลอด ล้างไต ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง นำประวัติการรักษาหรือใบนัดรักษาต่อเนื่อง มายื่นที่สถานพยาบาลในสังกัด กทม. ทั้ง รพ. และศูนย์บริการสาธารณสุข โดย ไม่จำเป็นต้องใช้หนังสือส่งตัว
          ด้าน นาย พลเฉลิม ศรมณี ผอ. เขตบางขุนเทียน ระบุ ช่วงแรกที่มีการยกเลิก หน่วยบริการประชาชน ในพื้นที่ก็มีความกังวลใจ เพราะห่วงว่าจะ ไม่ได้สิทธิรักษาพยาบาลเหมือนเดิม จึงเดินทางมาที่หน่วยบริการ สปสช. สำนักงานเขตบาง ขุนเทียน เพื่อยื่นคำร้องตรวจสอบสิทธิ หรือ เปลี่ยนสถานพยาบาลให้สามารถใช้สิทธิได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วง 2-3 วันแรกมีประชาชนล้นห้องบริการ อย่างไรก็ตาม เนื่อง จากยังอยู่ในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ตนจึงสั่งให้จัดระเบียบบริการใหม่โดยตั้งเต็นท์ไว้ด้านนอกอาคาร และให้เจ้าหน้าที่ สปสช. ออกมานั่งรับคำร้องเพื่อลดความแออัด ขณะเดียวกันก็ให้เจ้าหน้าที่เทศกิจคอยจัดระเบียบคิว คนที่มารอเขียนคำร้อง โดยเฉลี่ยสามารถรับข้อมูลได้ประมาณ 400 คน
          ทั้งนี้ จากการสุ่มสอบถามผู้ที่มาเขียนคำร้องทราบว่า บางส่วนยังไม่ได้เป็นผู้ป่วยหรือต้องรักษาต่อเนื่อง แต่มายื่นคำร้องเพราะเกรงว่าเจ็บป่วยแล้วจะไม่สามารถใช้สิทธิบัตรทองได้ แต่เมื่อมีการออกมายืนยันจาก สปสช. ว่าผู้ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญาคลินิกชุมชนอบอุ่นไม่ต้องลงทะเบียนหน่วยบริการและสามารถไปรับบริการได้ที่สถานพยาบาลที่เข้าร่วมกับ สปสช.ได้ทุกแห่ง ทำให้ขณะนี้มีผู้มาใช้บริการที่หน่วยบริการน้อยลงแล้ว โดยประชาชนเขตบางขุนเทียน สามารถใช้สิทธิบัตรทองได้ที่สถานพยาบาลปฐมภูมิของรัฐ หรือ รพ.ในสังกัดกทม.อาทิ รพ.ผู้สูงอายุบางขุนเทียน ศูนย์บริการสาธารณสุข 42 ถนอม ทองสิมา
          ขณะที่ นพ.ชวินทร์ ศิรินาค รองปลัดกรุงเทพมหานคร เผยว่า ตามนโยบายผู้ว่าฯ กทม. จะร่วมกับภาคีเครือข่ายดูแลสุขภาพ ผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป กทม.มีความพร้อมในการให้บริการประชาชนที่มีสิทธิบัตรทองแต่มีสถานะสิทธิว่างในสถานพยาบาลของ กทม. ทั้ง รพ.ในสังกัด 11 แห่ง ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่งทั่วกรุงเทพฯ และ รพ.วชิรพยาบาล โดยประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้เพียงแค่นำบัตรประชาชนไปยื่นรับสิทธิได้ทันที ไม่ต้องเดินทางไปที่หน่วยบริการ สปสช. ณ สำนักงานเขต 19 แห่ง เพื่อยื่นคำร้องเปลี่ยนสถานพยาบาลแล้ว
          นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ศูนย์บริการสาธารณสุขบางแห่ง ที่มีความพร้อมในการให้บริการด้านการตรวจรักษาเปิดคลินิกนอกเวลาราชการในช่วง 16.00-20.00 น. เพื่อเพิ่มเวลาให้บริการ โดยการเปิดเวลาให้บริการเพิ่มเติมจะมีแค่บางแห่งที่มีคนไข้มารับบริการจำนวนมากในช่วงเช้า หรือศูนย์บริการสาธารณสุขบางแห่งก็มีการปรับให้บริการในช่วงบ่ายด้วย.