ขบ.เร่งถกแพทยสภาเพิ่มโรคควบคุม
ชี้ชัดใบรับรองแพทย์จะศักดิ์สิทธิ์ขึ้น
นายยงยุทธ นาคแดง รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยกรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกฎกระทรวงคมนาคมเรื่องการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. 2563 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับภายใน 120 วัน หรือภายในประมาณวันที่ 2 ก.พ. 64 ว่า กฎกระทรวงนี้มีหลักสำคัญ 2 ข้อ คือ 1.การออกใบรับรองแพทย์ประกอบการขอรับใบอนุญาตขับรถหรือขอใบขับขี่
ขบ. กำลังหารือแพทยสภาเพื่อจัดทำรายละเอียดให้สอดรับกับกฎกระทรวงเพื่อกำหนดให้ใบรับรองแพทย์ต้องแสดงว่าไม่มีโรคประจำตัวหรือสภาวะของโรคที่ผู้ประกอบวิชาชีพ เวชกรรมเห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถหรือมีอาการผิดปกติทางจิตหรือมีโรคที่ไม่เหมาะสมกับการขับรถ ซึ่งเดิม ขบ. กำหนด 5 โรคต้องห้ามได้แก่ 1.โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่น่ารังเกียจแก่สังคม 2.โรควัณโรคในระยะแพร่กระจายเชื้อ 3.โรคเรื้อน 4.โรคพิษสุราเรื้อรังและ 5.โรคติดยาเสพติดให้โทษ โดยกำลังพิจารณาเพิ่มโรค ต้องห้าม อาทิ โรคลมชัก โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคอารมณ์สองขั้ว ออทิสติก หรือตัวเตี้ยผิดปกติ 90 ซม. ซึ่งแพทย์ที่ต้องออกใบรับรองแพทย์ต้องเป็นผู้ประเมินสภาพทางด้านร่างกายของผู้ขอใบรับรองแพทย์
นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้แพทย์ต้อง เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันเพื่อตรวจสอบผู้ขอรับใบรับรองแพทย์ว่ามีโรคประจำตัวหรือเคยเป็นโรคที่เป็นอันตรายต่อ การขับรถหรือไม่เพราะบางครั้งผู้มาขอใบรับรองแพทย์อาศัยอยู่หลากหลายแห่ง ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ เพื่อทำให้ การออกใบรับรองแพทย์มีความสมบูรณ์มากที่สุดไม่เป็นอันตรายขณะขับรถเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน คาดว่า จะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ ให้ทันภายใน 120 วัน ซึ่งกรณีขอใบรับรองแพทย์นี้จะใช้กับรถทุกประเภทที่มารับใบขับขี่ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ (จยย.) และรถโดยสารสาธารณะ ขณะเดียวกันอาจให้นำใบรับรองแพทย์ที่แสดงว่าเหมาะสมกับการขับรถอย่างปลอดภัยมาแสดงเพิ่มเติม
เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ขอรับ ใบขับขี่จำนวนหนึ่งที่นายทะเบียน พบว่าไม่สมควรจะได้รับใบขับขี่หรือควรต้องทดสอบขับรถใหม่ จึงควรมีฐานอำนาจกฎหมายให้สามารถตรวจสอบยืนยันความเหมาะสมในการได้รับใบขับขี่อีกครั้ง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะประเมินความพร้อมด้านร่างกายของ ผู้ขอต่อใบขับขี่ ถ้าสังเกตหรือประเมินแล้วพบว่ามีสภาวะด้านร่างกายไม่พร้อมมีความเสี่ยงต่ออันตรายในการขับรถจะนำบุคคลนั้นไปทดสอบการขับรถ เพิ่มเติม จากเดิมการขอต่อใบขับขี่ต้องทดสอบสมรรถนะ ทางด้านร่างกาย เช่น ตาบอดสี และเข้าอบรมการขับรถจะต่อใบขับขี่ได้ทันที
นายยงยุทธ กล่าวด้วยว่า 2.เรื่องการคุมเข้มผู้ประสงค์ขับขี่รถ จยย.ที่มีกำลังสูงหรือบิ๊กไบค์ เพื่อออกใบขับขี่รถ จยย.ขนาดใหญ่ที่มีกำลังสูงเครื่องยนต์ 400 ซีซีขึ้นไปโดยเฉพาะ
(ติดตามเรื่องใบขับขี่บิ๊กไบค์ได้ตอนต่อไป) . |