|
| หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 26/10/2563 ] |
|
|
|
|
| บิ๊กตู่สั่งปลดล็อก บัตรทองรักษาทุกที่ทุกรพ. |
|
|
|
|
หมอชนบทไม่ทน สวนกลับทันควัน
คนไทยเฮ "บิ๊กตู่" คลายล็อก "บัตร ทอง" เปิดทางประชาชนผู้มีสิทธิเข้ารับการรักษาได้ทุกที่ ไม่ต้องมีใบส่งตัว ดีเดย์เริ่ม 1 พ.ย. กำชับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง จะได้รับการรักษาใน รพ. ที่มีศักยภาพไม่แออัด สปสช. หน่วยงานหลักประสานจัดหาให้ ย้ำเป็นนโยบายของรัฐบาล หวังยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อการดูแลรักษาพยาบาลที่ดี-มีมาตรฐาน-สะดวก สำหรับคนไทยทุกคน
เมื่อวันที่ 25 ต.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ในการยกระดับระบบสวัสดิการแห่งรัฐด้านสาธารณสุข ด้วยการยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรณีประชาชนผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) สามารถเข้ารับการรักษาที่ใดก็ได้ และยกเลิกการต้องใช้ใบส่งตัวของผู้ป่วยในกรณีมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนสถานที่รักษาพยาบาล โดยมีรายละเอียดการคลายล็อกดังนี้
1.ประชาชนสามารถรับการรักษาพยาบาลที่ใดก็ได้ โดยทดลองให้ประชาชนในกรุงเทพฯ สามารถไปรับบริการ โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตั้งเป้าที่จะประสานหน่วยบริการ 500 แห่ง ให้เข้ามาเป็น "หน่วยบริการชุมชนอบอุ่น" (คลินิกชุมชนอบอุ่น และหน่วยบริการเฉพาะทางชุมชนอบอุ่น) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2563 เป็นต้นไป
2. "ผู้ป่วยใน" ไม่ต้องใช้ใบส่งตัวอีก ต่อไป นโยบายใหม่นี้ หากผู้ป่วยไปรับบริการที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพแล้วโรงพยาบาลวินิจฉัยว่าต้องแอดมิท (นอนรักษาตัวที่ รพ.) ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทันที โดย ไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัวอีกต่อไป เนื่องจาก สปสช. จะจัดทำระบบออนไลน์เพื่อเชื่อมต่อข้อมูล ระหว่างคลินิกกับ รพ. ที่มีศักยภาพเองโดยอัตโนมัติ
3.ประชาชนแจ้งย้ายหน่วยบริการเมื่อใด รักษาที่ใหม่ได้ทันที และ 4.ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งจะได้รับการรักษาใน รพ. ที่มีศักยภาพและไม่แออัด เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง หน่วยบริการผู้วินิจฉัยจะส่งข้อมูลผู้ป่วยมายัง สปสช. เพื่อให้ สปสช.ประสานจัดหา รพ. ที่ไม่แออัด และมีศักยภาพในการรักษาโรคมะเร็งประเภทนั้น ๆ ได้ทันที
"การคลายล็อกข้อจำกัดต่าง ๆ ของบัตรทองในครั้งนี้ คือนโยบายของรัฐบาลในความพยายามที่จะยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อการดูแลรักษาพยาบาลที่ดี มีมาตรฐาน ง่ายและสะดวกสำหรับประชาชนคนไทยทุกคน" นายอนุชา กล่าว
ด้าน นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ จ.สงขลา ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก "สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ" ระบุว่า คลายล็อกบัตรทอง รักษาได้ทุกที่ "ไม่จริง" ความเข้าใจผิดที่ต้องรีบบอก ความจริงคือ ผู้ป่วยสามารถไปรับบริการการแพทย์ปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ คือจะไป รพ. อำเภอไหนก็ได้ ไป รพ.สต.ไหนก็ได้ หรือจะไปคลินิกอบอุ่นไหนใน กทม.ก็ได้ (เดิมไม่ได้) แต่จะเดินข้ามห้วยตรงไป รพ.การแพทย์เฉพาะทางไม่ได้ จะเดินไป รพ.ศิริราช รพ.ราชวิถี รพ.อุดรฯ รพ.หาดใหญ่ รพ.ลำปาง โดยตรงไม่ได้ ต้องผ่านหน่วยบริการปฐมภูมิดูแลรักษาก่อน หากเกิน ขีดความสามารถก็ค่อยส่งต่อด้วยใบส่งตัวอยู่ดี ยกเว้นหากเป็นผู้ป่วยใน หรือได้รับการรับตัวเข้าเป็นผู้ป่วยใน หรือเป็นมะเร็ง อันนี้ไม่ต้องมาเอาใบส่งตัวย้อนหลัง ซึ่งอันหลังนี้ถูกต้องใช่เลย ขอให้ทาง สธ.และ สปสช. ร่วมกันทำความเข้าใจให้ชัดเจนและถูกต้อง อย่าให้คนไทยเข้าใจผิด. |
หมอชนบทไม่ทน สวนกลับทันควัน
คนไทยเฮ "บิ๊กตู่" คลายล็อก "บัตร ทอง" เปิดทางประชาชนผู้มีสิทธิเข้ารับการรักษาได้ทุกที่ ไม่ต้องมีใบส่งตัว ดีเดย์เริ่ม 1 พ.ย. กำชับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง จะได้รับการรักษาใน รพ. ที่มีศักยภาพไม่แออัด สปสช. หน่วยงานหลักประสานจัดหาให้ ย้ำเป็นนโยบายของรัฐบาล หวังยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อการดูแลรักษาพยาบาลที่ดี-มีมาตรฐาน-สะดวก สำหรับคนไทยทุกคน
เมื่อวันที่ 25 ต.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ในการยกระดับระบบสวัสดิการแห่งรัฐด้านสาธารณสุข ด้วยการยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรณีประชาชนผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) สามารถเข้ารับการรักษาที่ใดก็ได้ และยกเลิกการต้องใช้ใบส่งตัวของผู้ป่วยในกรณีมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนสถานที่รักษาพยาบาล โดยมีรายละเอียดการคลายล็อกดังนี้
1.ประชาชนสามารถรับการรักษาพยาบาลที่ใดก็ได้ โดยทดลองให้ประชาชนในกรุงเทพฯ สามารถไปรับบริการ โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตั้งเป้าที่จะประสานหน่วยบริการ 500 แห่ง ให้เข้ามาเป็น "หน่วยบริการชุมชนอบอุ่น" (คลินิกชุมชนอบอุ่น และหน่วยบริการเฉพาะทางชุมชนอบอุ่น) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2563 เป็นต้นไป
2. "ผู้ป่วยใน" ไม่ต้องใช้ใบส่งตัวอีก ต่อไป นโยบายใหม่นี้ หากผู้ป่วยไปรับบริการที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพแล้วโรงพยาบาลวินิจฉัยว่าต้องแอดมิท (นอนรักษาตัวที่ รพ.) ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทันที โดย ไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัวอีกต่อไป เนื่องจาก สปสช. จะจัดทำระบบออนไลน์เพื่อเชื่อมต่อข้อมูล ระหว่างคลินิกกับ รพ. ที่มีศักยภาพเองโดยอัตโนมัติ
3.ประชาชนแจ้งย้ายหน่วยบริการเมื่อใด รักษาที่ใหม่ได้ทันที และ 4.ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งจะได้รับการรักษาใน รพ. ที่มีศักยภาพและไม่แออัด เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง หน่วยบริการผู้วินิจฉัยจะส่งข้อมูลผู้ป่วยมายัง สปสช. เพื่อให้ สปสช.ประสานจัดหา รพ. ที่ไม่แออัด และมีศักยภาพในการรักษาโรคมะเร็งประเภทนั้น ๆ ได้ทันที
"การคลายล็อกข้อจำกัดต่าง ๆ ของบัตรทองในครั้งนี้ คือนโยบายของรัฐบาลในความพยายามที่จะยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อการดูแลรักษาพยาบาลที่ดี มีมาตรฐาน ง่ายและสะดวกสำหรับประชาชนคนไทยทุกคน" นายอนุชา กล่าว
ด้าน นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ จ.สงขลา ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก "สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ" ระบุว่า คลายล็อกบัตรทอง รักษาได้ทุกที่ "ไม่จริง" ความเข้าใจผิดที่ต้องรีบบอก ความจริงคือ ผู้ป่วยสามารถไปรับบริการการแพทย์ปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ คือจะไป รพ. อำเภอไหนก็ได้ ไป รพ.สต.ไหนก็ได้ หรือจะไปคลินิกอบอุ่นไหนใน กทม.ก็ได้ (เดิมไม่ได้) แต่จะเดินข้ามห้วยตรงไป รพ.การแพทย์เฉพาะทางไม่ได้ จะเดินไป รพ.ศิริราช รพ.ราชวิถี รพ.อุดรฯ รพ.หาดใหญ่ รพ.ลำปาง โดยตรงไม่ได้ ต้องผ่านหน่วยบริการปฐมภูมิดูแลรักษาก่อน หากเกิน ขีดความสามารถก็ค่อยส่งต่อด้วยใบส่งตัวอยู่ดี ยกเว้นหากเป็นผู้ป่วยใน หรือได้รับการรับตัวเข้าเป็นผู้ป่วยใน หรือเป็นมะเร็ง อันนี้ไม่ต้องมาเอาใบส่งตัวย้อนหลัง ซึ่งอันหลังนี้ถูกต้องใช่เลย ขอให้ทาง สธ.และ สปสช. ร่วมกันทำความเข้าใจให้ชัดเจนและถูกต้อง อย่าให้คนไทยเข้าใจผิด. |
|
| | |
|
|
