นายสุขสันต์ กิตติศุภกร ผอ.สำนักการแพทย์ กล่าวถึง กรณีมีผลสำรวจการรับรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมสุขภาพ พบประชาชนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ลดลง ทั้งยังมีพฤติกรรมสวมหน้ากากเมื่อไม่มีอาการป่วยลดลง เหลือเพียงร้อยละ 68.4 ว่า สำนักการแพทย์ พยายามรณรงค์กระตุ้นเตือนประชาชน ให้ยังคงรักษามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่อยู่ในพื้นที่สาธารณะ หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด และลงทะเบียนเข้า-ออก สถานที่ผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะทุกครั้งที่ใช้บริการสถานที่/ร้านค้าต่าง ๆ ขณะเดียวกันได้จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ภายใน รพ.สังกัดกทม. เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจการดูแลตนเองอย่างถูกวิธี รวมถึงรณรงค์ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของสธ. อย่างเคร่งครัด
          นอกจากนี้ ยังได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรค โดยให้ส่วนราชการในสังกัด จัดกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งทำความสะอาดอาคารสำนักงาน ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อในบริเวณที่สัมผัสร่วมกัน เช่น ราวจับบันไดเลื่อน ปุ่มกดลิฟต์ รถเข็นคนไข้ ตลอดจนจัดประชุม รพ.หลักทั้ง 9 แห่ง ในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินกทม. เพื่อเตรียมความพร้อมการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในกรณีมีการระบาดรอบใหม่ ทั้งนี้ หากสงสัยว่ามีอาการของโรคสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สายด่วนสุขภาพ สำนักการแพทย์ 1646 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
          ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าที่ผ่านมา พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. กำชับให้ทุกเขต ลงพื้นที่ ตรวจสถานประกอบการให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด โดยมีรายงานผลการตรวจสถานประกอบการที่ได้รับการผ่อนปรน ระหว่างวันที่ 10-16 พ.ย. 63 ไปแล้วทั้งสิ้น 3,048 แห่ง รวมถึงกำชับให้แต่ละเขต ตรวจสถานประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าว และใช้ระบบ BKK-Covid เพื่อคัดกรองกลุ่มเสี่ยง หากพบความผิดปกติเข้าเกณฑ์ มีความเสี่ยงสูงจะจัดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ และติดตามผล พร้อมเฝ้าระวังแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่แฝงตัวในกิจการประเภทต่าง ๆ ซึ่งจากการสำรวจแรงงานต่างชาติ 3 สัญชาติ (เมียนมา ลาว กัมพูชา) โดยสำนักปกครองและทะเบียนพบว่าในพื้นที่กทม. มีจำนวนผู้มารายงานตัวต่ออายุ ซึ่งไม่มีสัญชาติไทย อนุญาตทำงานถึงวันที่ 31 มี.ค. 65 จำนวน 200,634 คน แบ่งเป็นแรงงานเมียนมา 159,523 คน ลาว 10,021 คน และกัมพูชา 31,090 คน.