Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 24/11/2563 ]
นร.ติดเชื้อโควิด-19 ลักลอบเข้าไทย

  ครม. เห็นชอบขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 45 วันสกัด โควิด-19 "อนุทิน" แจงเหตุผลของบ 6 พันล้าน ซื้อวัคซีนโควิด-19 ยันรวมค่าดำเนินการทุกอย่างแล้ว สธ. เผยแนวคิดเจรจาแลกเปลี่ยนหมอไทย-จีน ตรวจนักท่องเที่ยว 2 ประเทศ เสริมความมั่นใจไม่หอบเชื้อโรคข้ามแดน เปิด 10 จังหวัดพร้อมรับมือนักท่องเที่ยวต่างชาติ ชาวตากผวาอีก หลังพบนักเรียนสาว ลูกครึ่งไทย-เมียนมา วัย 17 ติดโควิด-19 ลอบข้ามแดนเข้าไทย ต้องกักกลุ่มเสี่ยง เร่งสอบสวนโรควุ่น ด้าน สธ. เผยผลตรวจผู้ใกล้ชิดหนุ่มเมียนมาติดไวรัสมรณะ ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม รอความชัดเจนต้นตอแพร่ระบาด ขณะที่ ครม. เห็นชอบขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 45 วัน ส่วน สหรัฐ เตรียมประเดิมฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสมรณะให้คนอเมริกัน 20 ล้านคน 11-12 ธ.ค.
          เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย โดยวันเดียวกันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่  7 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,920 ราย ยอดหายป่วยสะสม 3,776 ราย มีผู้ป่วยรักษาใน รพ. 94 ราย  และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย สำหรับผู้ป่วยใหม่รายที่ 1 เดินทางมาจากเยอรมนี เป็นหญิง สัญชาติไทย อายุ 58 ปี อาชีพแม่บ้าน ผู้ป่วยใหม่รายที่ 2 เดินทางมาจากเลบานอน เป็นชาย สัญชาติซีเรีย อายุ 17 ปี อาชีพนักศึกษา ผู้ป่วยใหม่รายที่ 3 เดินทางมาจากเดนมาร์ก เป็นหญิง สัญชาติไทย อายุ 30 ปี อาชีพพนักงานบริษัท ผู้ป่วยใหม่รายที่ 4 เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา เป็นหญิง สัญชาติไทย อายุ 67 ปี อาชีพว่างงาน  ผู้ป่วยใหม่รายที่ 5 เดินทางมาจากสหราชอาณาจักร เป็นหญิง สัญชาติไทย อายุ 43 ปี อาชีพแม่บ้าน ผู้ป่วยใหม่รายที่ 6 เดินทางมาจากสาธารณรัฐคอซอวอ เป็นชาย สัญชาติไทย อายุ 43 ปี อาชีพพ่อครัว  และผู้ป่วยใหม่รายที่ 7 เดินทางมาจากกาตาร์ เป็นหญิง สัญชาติไทย อายุ 45 ปี อาชีพแม่บ้าน
          นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการสอบสวนโรคในผู้ป่วยโควิด-19 เป็นแรงงานชาย ชาวเมียนมา และล่าสุดนักเรียนหญิง อายุ 17 ปี ลูกครึ่งไทยเมียนมา ที่ จ.ตาก ว่า ผลสอบสวนโรคกรณีแรงงานชาวเมียนมา ทราบว่าเข้ามาอยู่ในประเทศไทยนานแล้ว จึงคาดว่าน่าจะเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ แต่อาจเป็นการติดแนวชายแดน หรือติดจากเพื่อนชาวเมียนมา ต้องรอผลการตรวจยืนยันอีกครั้ง ทั้งนี้ทีมสอบสวนโรคดำเนินการค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้งหมด 12 คน ผลตรวจไม่พบเชื้อ 9 คน รอผลอีก 3 คน ทั้งหมดยังคงอยู่ที่สถานที่กักกันโรค ส่วนผลตรวจกลุ่มเสี่ยงในหมู่บ้านผู้ป่วย 99 คน ผลไม่พบเชื้อ 49 คน ยังรอผลอีก 50 คน ขณะที่การสอบสวนโรคนักเรียนหญิง ลูกครึ่งไทย-เมียนมา มีความชัดเจนว่าน่าจะเป็นการติดเชื้อมาจากฝั่งเมียนมา เพราะมีประวัติเดินทางไปเมียนมา ก่อนลักลอบข้ามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ผ่านช่องทางธรรมชาติถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.แม่สอด และอยู่ระหว่างเร่งสอบสวนโรคเพื่อค้นหาผู้สัมผัสและผู้ใกล้ชิด พร้อมกักตัวกลุ่มเสี่ยงอย่าง เร่งด่วน
          ที่โรงแรมริชมอนด์ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า แนวคิดลดวันกักตัวจาก 14 วัน เป็น 10 วัน มีข้อมูลทางวิชาการในต่างประเทศระบุว่าการกักตัว 10 วันและ 14 วัน ผลไม่ต่างกัน หากไทยลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน จะจูงใจให้ประเทศที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหรือใกล้เคียงกับประเทศไทย อาทิ เวียดนาม ไต้หวัน มาเก๊า และจีน เป็นต้น เข้ามาท่องเที่ยวได้มากขึ้น ขณะที่ประเทศไทยยังมีมาตรการต่าง ๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับคนไทย เช่น แนวคิดเรื่องของการกำหนดพื้นที่และเส้นทางให้ผู้เดินทางเป้าหมายเป็นการเฉพาะ โดยไม่ปะปนกับบุคคลอื่น ๆ  เช่น กักกันในสถานที่กักกัน 0-10 วัน และมีการป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่นระหว่างวันที่ 11-14 และมีการกำหนดพื้นที่และเส้นทางการเดินทางโดยมีการกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด 4 วัน เป็นต้น
          ทั้งนี้ แม้ที่ผ่านมาไทยจะมีมาตรการดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้าไทย แต่มีจำนวนไม่มาก เช่นจีนที่มาเป็นเพียงส่วนน้อย และรัฐบาลจีนไม่สนับสนุนให้คนจีนเที่ยวนอกประเทศ แม้จะเป็นประเทศไทยเพราะเกรงจะติดโรคกลับไปประเทศจีน เรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุข มีแนวคิดทำข้อตกลง Safety To Safety วีซ่า จับคู่ประเทศกับจีน วางระบบตรวจโดยให้แพทย์ไทยไปประจำที่จีน แพทย์จีนประจำที่ไทย ตรวจนักท่องเที่ยวเข้า-ออก ระหว่างกันเพื่อนำสู่การท่องเที่ยวอย่างมั่นใจว่าจะไม่มีฝ่ายใดแพร่เชื้อให้กัน
          ขณะที่จังหวัดที่มีความพร้อมในการดำเนินการเรื่องการกำหนดพื้นที่ จากการสำรวจตามการประเมินความพร้อมในการบริหารจัดการโรคโควิด-19 ใน 3 ด้าน ด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค ด้านรักษาพยาบาล และด้านเศรษฐกิจ สังคมและการมีส่วนร่วมของเครือข่าย มี 10 จังหวัดที่ได้คะแนนเต็ม 10 ผ่านประเมินทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ จ.เชียงราย ปราจีนบุรี สมุทรปราการ นครพนม บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ กระบี่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และพัทลุง ส่วนจังหวัดอื่น ๆ  ยังไม่ผ่านประเมิน
          ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับมติ ครม. เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา เห็นชอบการจัดสรรงบประมาณ 6,049 ล้านบาท สำหรับการจองและจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รวม 26 ล้านโด๊ส ว่า วงเงินครอบคลุมทั้งเรื่องการจองและจัดซื้อวัคซีนรวมถึงการดำเนินงานต่าง ๆ ตลอดจนมีเรื่องค่าเก็บรักษา ค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายในการนำไปฉีดให้กับตัวบุคคล หรือสรุปว่าเงินงบประมาณกว่า 6 พันล้านบาทนั้น ครอบคลุมไปหมดแล้ว
          นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมครม. ว่า ครม. เห็นชอบขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ออกไปอีก 45 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.63 ถึงวันที่ 15 ม.ค.64 เพื่อใช้ในการควบคุมโรคไวรัสโควิด-19
          สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ขณะนี้มีวัคซีน 2 วัคซีน ต้านไวรัสโควิด-19 ของสองบริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ชื่อไฟเซอร์ อิงค์ ร่วมกับหุ้นส่วนเยอรมันไบโอเอ็นเทค กับ บริษัทโมเดอร์นา ต่างให้ผลการทดลองว่ามีประสิทธิภาพสูงถึง 95% และได้ยื่นคำร้องขอใช้วัคซีนฉุกเฉินกับทางหน่วยงานของสหรัฐ คือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(เอฟดีเอ) โดยจะประชุมพิจารณาในวันที่ 10 ธ.ค. ทั้งนี้ นายมอนเคฟ สลาอุย หัวหน้าทีมวัคซีนไวรัสของรัฐบาลสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลมีแผนที่จะจัดส่งวัคซีนไปยังศูนย์จัดฉีดวัคซีนป้องกันได้ภายใน 24 ชั่วโมง หลังได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงมีความเป็นไปได้ที่จะจัดฉีดวัคซีนให้ได้ในวันที่ 11-12 ธ.ค.ในสหรัฐอเมริกา และคาดว่าจะมีชาวอเมริกัน 20 ล้านคนทั่วประเทศได้รับวัคซีนในเดือน ธ.ค. นี้ และหลังจากนั้นก็จะได้รับวัคซีนเดือนละ 30 ล้านคน
          ขณะเดียวกันกลุ่มบริษัทยาของอังกฤษ คือแอสตราเซเนกา ร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ ฟอร์ด แถลงผลการทดลองวัคซีนของบริษัทต้านไวรัสโควิด-19 มีประสิทธิภาพในการทดลองว่าได้ผลถึง 70% แต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่าวัคซีนของสองบริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ.

 pageview  1210908    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved