รับเชื้อจาก'เพื่อนสาว'ตะลอนเที่ยว2จังหวัด อังกฤษ-รัสเซียประเดิมฉีดวัคซีนสัปดาห์หน้า
          เชื้อกระจาย ช็อกติดเพิ่มอีก 4 ราย ที่เชียงราย รวม 7 คน ระทึกรายสุดท้ายติดในประเทศ เปิดไทม์ไลน์เพื่อน 3 คนจากท่าขี้เหล็กมาพักที่ห้องจากนั้นไปเที่ยวสิงห์ปาร์ค-สถานบันเทิงนั่งรถยนต์ส่วนตัวเที่ยวเชียงใหม่ ขณะที่ผู้สัมผัสสาวลักลอบเข้าไทย 699 คน เสี่ยงสูง  175 คนผลเป็นลบ ส่งตรวจซ้ำอีกครั้ง "พิจิตร" ผวา โรงเรียนหลายแห่งปิด กลุ่มโจ๋แห่ตรวจหาเชื้อเพียบ หลังสาวป่วยไปเที่ยวผับ ลามพิษณุโลกโรงเรียนปิด 8 แห่ง ขณะที่คนไทยในเมียนมาแห่ขอกลับอีกกว่า 180 คน "ราชบุรี" พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 41 คน "อังกฤษ-รัสเซีย" เริ่มฉีดวัคซีนสัปดาห์หน้า
          เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดี กรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในไทย หลังมีสาวลักลอบเข้าไทยและติดเชื้อโควิด ว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 13 ราย โดย 7 รายมาจากต่างประเทศ อีก 6 ราย คือ คนที่ลักลอบเข้ามาในไทย โดยข้ามมาจากท่า ขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ทำให้ขณะนี้มีคนที่ลักลอบเข้ามาและป่วยโควิดรวม 10 ราย อยู่ที่เชียงใหม่ 3 คน เชียงราย 3 ราย กรุงเทพฯ 1 คน พิจิตร 1 ราย ราชบุรี 1 คน และ จ.พะเยา 1 ราย ขณะนี้ได้ตรวจผู้สัมผัสทั้งหมด 699 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 175 ราย ยังมีผลเป็นลบแต่ตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนที่เหลือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 524 คน อยู่ระหว่างกักตัวเพื่อดูอาการ
          นพ.โอภาส เปิดเผยว่า ส่วนกรณีสาวพะเยาที่ติดเชื้อโควิดไปงานที่ฟาร์ม Festival ที่สิงห์ปาร์ค จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 29 พ.ย.นั้น จากการตรวจสอบไทม์ไลน์พบว่า เมื่อเวลา 19.30 น. ไปซื้อตั๋ว เวลา 19.38 น. ไปจุดตรวจอาวุธ เวลา 19.41 น. ไปห้องนำและเข้าฟาร์ม จุดสำคัญคือถ้าผู้ร่วมงานแล้วไปที่หน้าเวที ไปโซนลานเบียร์ ไปห้องน้ำในเวลาดังกล่าว ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อให้คำแนะนำ หรือหาก คนใดสงสัยติดต่อมาได้ที่ 08-4805-3131, 08-4805-2121, 0-5428-1027, 09-1007-2384, 08-1883-0415, 0-5391-0384 และ 0-5391-0385
          ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) ระบุว่า สาวที่ลักลอบเข้าไทย เพราะรู้ว่าฝั่งเมียนมาติดเชื้อมากขึ้น เมื่อกลับเข้ามาแทนที่จะพบแพทย์หรือแสดงตน แต่กลับไปเที่ยวและเดินทาง ไปสถานที่ต่าง ๆ โดยไร้ความรับผิดชอบ รู้ว่าตัวเองติดเชื้อเป็นพาหะ แต่ยังเดินทางไปทั่ว สร้างความเสียหายให้บ้านเมืองมหาศาล เมื่อเกิดขึ้นคนอื่นต้องตามล้างตามเช็ด ปลาเน่าตัวเดียวทำให้เหม็นทั้งข้อง คนพวกนี้เห็นแก่ตัว ไม่ยอมกักตัวขอให้ช่วยประณามคนพวกนี้มาก ๆ
          ต่อข้อถามจะดำเนินคดีอย่างจริงจังกับคนเหล่านี้อย่างไร นายอนุทิน ตอบว่า พอตนบอกจะดำเนินคดีกับคนพวกนี้ มีบางฝ่ายออกมาบอกจะทำให้คนหลบหนีเข้าเมืองเพิ่มอีก ไม่รู้จุดลงตัวอยู่ตรงไหน อย่างไรก็ตามภาพรวมเรายังควบคุมโรคได้ ขณะนี้กรมควบคุมโรคเข้าไปตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่ จ.เชียงราย เชียงใหม่ รวมถึง รพ.ศูนย์ในพื้นที่นั้น
          ต่อข้อถามจะมีการทบทวนคลายล็อกหรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะก่อนตอบว่า คนไม่กี่คนทำให้เดือดร้อนทั่วประเทศ จะคลายล็อกอะไรตอนนี้ ส่วนจะล็อกดาวน์เพิ่มหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ กรณีนี้ไม่เหมือนเหตุการณ์ สนามมวย อย่างไรก็ตามอยากให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวเชียงรายกับเชียงใหม่ เร็ว ๆ นี้ตนอาจไปเที่ยวเชียงใหม่และเชียงราย เพราะไม่ได้กลัวอะไรถ้าเราป้องกันตัวดี
          ส่วนที่ จ.พิจิตร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงเรียนรัฐและเอกชนหลายแห่ง ปิดการเรียนการสอนชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 3-7 ธ.ค. เนื่องจากมีบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษา บางส่วนที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงไปเที่ยวผับ 2 แห่ง สถานที่เดียวกับที่สาวติดเชื้อไปเที่ยว นอกจากนี้ยังมีกลุ่มวัยรุ่นที่ไปเที่ยวในสถานบันเทิง ต่างพากันแห่ไปตรวจหาเชื้อกันเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ สถานบันเทิงที่หญิงสาวเข้าไปเที่ยวแล้ว พร้อมทั้งนำพนักงานร้านทั้ง 2 แห่ง กว่า 60 คนไปตรวจหาเชื้อ และสั่งให้กักตัวที่บ้าน 14 วัน และกักตัวผู้ใกล้ชิดที่เสี่ยงสูง 4 คน ติดตามผล กลุ่มเสี่ยงต่าอีกกว่า 200 คน นอกจากนี้ยังลามไปถึง จ.พิษณุโลก เนื่องจากก่อนที่สาวพิจิตรจะเดินทางกลับบ้าน ได้นั่งเครื่องมาลงที่สนามบินพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ ได้ยกระดับมาตรการเข้ม ตั้งจุดคัดกรองวัดไข้
          คนเข้าออกทุกคน ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทั่วอาคารผู้โดยสารและอุปกรณ์ทุกชนิด อีกทั้งมีโรงเรียน 8 แห่ง ได้สั่งปิดเรียนตั้งแต่วันที่ 3-6 ธ.ค.นี้ คือ 1.โรง เรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคเหนือ เนื่องจากมีครูในโรงเรียนไปเล่นดนตรีในผับที่พิจิตร สถานที่เดียวกับหญิงสาวติดเชื้อไปเที่ยว 2.โรงเรียนนครไทย มีครูนั่งโดยสารมาในเครื่องลำเดียวกับหญิงสาวพิจิตร 3.โรงเรียนบางกระทุ่มพิทยาคม 4.โรงเรียนชุมชน 8 (ราษฎร์อุทิศ) 5.โรงเรียนเนินมะปรางศึกษาวิทยา 6.โรงเรียนจ่านกร้อง 7. โรงเรียนพุทธชินราช และ 8.โรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดยขณะนี้มีผู้สัมผัสเสี่ยงต่า 20 คน สัมผัสเสี่ยงสูง 4 คน ได้นำตัวไปตรวจหาเชื้อและสั่งกักตัวแล้ว
          ที่ จ.เชียงราย นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ ที่ปรึกษา รมว.สธ. พร้อมคณะลงพื้นที่ด่านพรมแดนไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดย นพ.ม.ล.สมชาย เปิดเผยว่า ตอนนี้มีคนไทยในเมียนมาขอกลับเข้ามากว่า 180 คน หากพบเชื้อจะส่งไปรักษาทันที ส่วนไม่พบเชื้อต้องกักตัว 14 วัน สำหรับคนไทยที่ทำงานในสถานบันเทิง จ.ท่าขี้เหล็ก ทราบว่ายังตกค้างอีกราว 80 คน ส่วนที่ จ.ราชบุรี หลังจากพบสาวติดเชื้อโควิด ขณะนี้พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 41 ราย ทั้งหมดถูกกักตัวหาเชื้อ 14 วัน ในจำนวนนี้ใกล้ชิดกับหญิงสาวคนดังกล่าว 5 คนตรวจแล้วไม่พบเชื้อไวรัส สำหรับกรณี หญิงชาวเมียนมาป่วยแล้วหลบหนีออกจาก รพ.ตะกั่วป่า จ.พังงา มาที่ จ.ภูเก็ต นั้น พ.ต.ท.นฤวัต พุทธวิโร รอง ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต ยืนยันว่าเจอตัวหญิงคนดังกล่าวแล้ว โดยส่งตัวไปรักษาที่ รพ.วชิระภูเก็ต เพื่อหาเชื้อโควิด อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะหญิงคนดังกล่าวอยู่ในกลุ่มผู้เสี่ยงต่า วันเดียวกัน พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผบ.ฉก.ม.3 ร่วมกับตำรวจ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย จับกุมนายสมคิด ศรีปัญญา, นายหล้า ดวงคำ และด.ญ.เอ (นามสมมุติ) มีพฤติกรรมนำคนที่ลักลอบข้ามแดนไปส่งที่พัก โรงแรม หรือสถานีขนส่ง จากการสอบสวนทั้งหมดรับสารภาพว่า ได้ค่าหัวคนละ 500-1,000 บาท เบื้องต้นสั่งให้ทั้ง 3 คนกักตัว 14 วัน จากนั้นจะดำเนินคดีต่อไป ส่วนที่ท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยกระดับการป้องกันอย่างเต็มที่
          ต่อมานายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าฯ เชียงราย นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย นพ.ไชยเวช ธนไพศาล  ผอ.รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ร่วมกันแถลงข่าวผู้ติดเชื้อใน จ.เชียงราย ว่า  ก่อนหน้านี้ติดเชื้อ 3  ราย ขณะนี้พบผู้ป่วยรายใหม่อีก 4 ราย รวมทั้งหมด 7 ราย เดินทางข้ามมาจากฝั่งเมียนมา และกักตัวใน อ.แม่สาย โดยรายที่  7 เป็นสาวประเภทสองอายุ 28 ปี เป็นรายแรกที่ไม่มีประวัติเดินทางมาจากต่างประเทศ แต่มีประวัติคลุกคลีใกล้ชิดหญิงสาว 3 รายแรกที่เป็นเพื่อนกันแล้วลักลอบเข้าไทย คาดว่าน่าติดกับเพื่อน
          สำหรับไทม์ไลน์ของรายที่ 7 นั้น พบว่าช่วงบ่ายวันที่  28 พ.ย. เพื่อนสาว 3 คนเดินทางมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก มาพักที่ห้อง จากนั้นช่วงเย็นวันที่ 29 พ.ย. ไปเที่ยวงานสิงห์ปาร์คโดยนั่งด้วยกัน แต่ไม่ได้ออกไปหน้าเวที จากนั้นเวลา 23.00 น. ไปเที่ยวสถานบันเทิงจนถึงเวลา 05.00  น. กลับห้องพัก ต่อมาวันที่  30 พ.ย. นั่งรถยนต์ส่วนตัวไปเที่ยว จ.เชียงใหม่ กระทั่งวันที่  2 ธ.ค. ทราบว่าเพื่อนติดเชื้อเลยไปตรวจที่ รพ. พบผลเป็นบวก ก่อนเข้ารักษาตัวที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์
          ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สั่งให้ผู้ว่าฯทุกจังหวัด ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด คือ 1.เฝ้าระวังคนลักลอบเข้าเมือง 2.กำกับดูแลกิจการหรือกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด
          เช่น ห้าง โรงเรียน ร้านอาหาร สถานบันเทิง สนามกีฬา สถานที่ท่องเที่ยวให้เข้มงวดมากขึ้น 3.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อสม.เฝ้าสังเกตดูอาการคนในพื้นที่ 4.สร้างการรับรู้ความเข้าใจปฏิบัติตามมาตรการ สธ. อย่างเคร่งครัด
          ขณะที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ในไทย ว่า วันนี้ติดเชื้อเพิ่ม 13 ราย มาจากต่างประเทศ 7 ราย อีก 6 ราย เป็นหญิงมาจากประเทศเมียนมา โดยทั้งหมดลักลอบเข้ามาในไทย ยอดผู้ป่วยรวม 4,039 คน และรักษาหายเพิ่มอีก 10 ราย รวมรักษาหาย 3,832 คน เสียชีวิต 60 ศพ ยังอยู่ใน รพ. 147 ราย
          ส่วนกรณีมีศิลปินดารานักร้อง อาทิ วงบิ๊กแอส, โบกี้-พิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ หรือ "โบกี้ไลอ้อน" ไปร่วมงานสิงห์ปาร์ค จ.เชียงราย และได้กักตัวเอง 14 วัน รวมทั้งศิลปินสาว อิ้งค์วรันธร เปานิล ประกาศขอกักตัวเอง 14 วันเช่นกันหลังได้รับแจ้งว่าขึ้นเครื่องบินลำเดียวกันกับผู้ติดเชื้อโควิด จากดอนเมืองไปพิษณุโลก ทำให้งานต่าง ๆ ที่รับไว้ต้องเลื่อนหรือยกเลิกไปโดยหนึ่งในนั้นคืองาน Big Mountain Music Festival ที่จัดโดย ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม ล่าสุดป๋าเต็ดได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Yuthana Boonorm แสดงความไม่พอใจถึงความมักง่ายของผู้ลักลอบเข้าไทย พร้อมยืนยันไม่ยกเลิกเทศกาลดนตรีครั้งนี้ด้วย โดยระบุว่า กว่าจะได้จัดงานแต่ละงานตรวจแล้วตรวจอีก ต้องผ่านไม่รู้กี่ด่านเพื่อให้ผู้อนุมัติพอใจ แล้วก็มีคนมักง่ายไม่กี่คนทำให้พังกันเป็นแถบ เซ็ง #BMMF ไม่แคนเซิลนะ ขอให้สบายใจ ขาดใครไม่ขาดมาขาดน้องอิ้งค์ โกรธมาก เช่นเดียวกับ "เป๊กซ์ปราชญ์ พงษ์ไชย" นักร้องนำวงซีล ได้โพสต์แสดงความไม่พอใจ และตำหนิผู้ลักลอบเข้ามา ผ่านอินสตาแกรมเช่นกัน
          ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า อังกฤษจะเป็นชาติตะวันตกชาติแรก ที่อนุมัติการใช้วัคซีนโควิด หลังสำนักงานคณะกรรมการ ยาของอังกฤษ เปิดไฟเขียวให้ใช้วัคซีนของ บริษัทไบออนเทค-ไฟเซอร์ คาดว่ารัฐบาลอังกฤษจะเริ่มฉีดวัคซีนได้ 8 แสนโด๊สในสัปดาห์หน้า ขณะที่ญี่ปุ่นกับอิตาลีประกาศฉีดวัคซีนให้ทุกคนในประเทศฟรี ส่วนสหรัฐตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ 100 ล้านคนในสิ้นเดือน ก.พ. 64 สำหรับรัสเซียเริ่มฉีดวัคซีนสปุตนิกไฟฟ์ในสัปดาห์หน้า.