หนุ่มสาววัยทำงานอย่าเข้าใจผิดว่าโรคหัวใจเป็นโรคไกลตัว และคิดว่าเกิดเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น โรคหัวใจและหลอดเลือดใกล้ตัวมากกว่าที่คิด ซึ่งสถิติการเจ็บป่วยและการตายด้วยโรคนี้ยังอยู่ในอันดับต้น ๆ เพื่อกระตุ้นให้คนไทยและคนวัยหนุ่มวัยสาวตระหนักถึงการดูแลสุขภาพหัวใจ เครือรพ.กรุงเทพ-พญาไท ผนึกกำลังจัดงาน "ออล ฟอร์ กู้ด ฮาร์ท" พร้อมเปิด "ศูนย์หัวใจพญาไท 3 โดยโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ" ที่เน้นการรวมความเชี่ยวชาญเพื่อดูแลหัวใจคนฝั่งธนบุรี ให้บริการด้านสุขภาพโรคหัวใจอย่างครบครัน ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจครบทุกสาขา รวมถึงมีทีมเพอซัลนัล เฮลธ์ แอสซิแตนท์ ทำหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็นผู้ดูแลสุขภาพส่วนบุคคลสำหรับผู้ป่วยที่มาตรวจและรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยมี วิชัย ทองแตง ประธานกรรมการเครือ รพ.พญาไท และเครือ รพ.เปา โล เมโมเรียล และ นพ. ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดงาน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ รพ.พญาไท 3
          นอกจากมีบริการตรวจคลื่นหัวใจให้แก่ผู้สูงอายุตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป ภายในงานยังมีการเสวนาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพหัวใจ และความก้าวหน้าในการรักษาโรคหัวใจด้วยเทคนิคการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจโดยไม่ใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม Off-Pump CABG: Coronary Artery Bypass Surgery โดย นพ.โกสินทร์ ทัพวงศ์ ผอ.ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก รพ.หัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า เป็นการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันด้วยการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ ในขณะที่หัวใจยังเต้นอยู่เพื่อหลีกเลี่ยงผลแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม เหมาะสำหรับผู้ป่วยทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยที่มีอัตราเสี่ยงสูง และผู้ป่วยมีโรคแทรกซ้อนหลายโรค ซึ่งหากใช้การผ่าตัดแบบเดิมจำเป็นต้องทำให้หัวใจหยุดนิ่งก่อน โดยจะใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมทำหน้าที่แทนหัวใจและปอดของผู้ป่วยในการควบคุมการไหลเวียนเลือดและออกซิเจนในร่างกายระหว่างการผ่าตัด ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลแทรกซ้อนร้อยละ2-3 แม้เป็นอัตราเสี่ยงที่ต่ำแต่ก่อให้เกิดปัญหารุนแรงตามมาภายหลังได้ เช่น ปอดเสื่อมเนื่องจากการแลกเปลี่ยนออกซิเจนไม่เพียงพอ ไตวายชั่วคราว stroke หรือเกิดอัมพฤกษ์อัมพาตหลังผ่าตัด เลือดไม่แข็งตัวทำให้เลือดออกไม่หยุด เป็นต้น
          นพ.จีระศักดิ์ สิริธัญญานนท์ แพทย์หัวหน้าศูนย์หัวใจพญาไท 3 กล่าวว่า ปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคหัวใจในวัยทำงานมากขึ้น ทั้งนี้อาจเนื่องจากเทคโนโลยีที่ทำให้วิถีชีวิตของคนวัยหนุ่มสาวหรือวัยทำงานเปลี่ยนแปลงไปสู่การแข่งขัน เร่งรีบ รวมถึงพฤติกรรม และการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การกินอาหารแบบชาวตะวันตก การเข้าสังคมมีการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา และขาดการออกกำลังกาย รวมถึงการมีภาวะไขมันในเลือดและความดันโลหิตสูง เป็นโรคเบาหวาน หรือประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ปัจจัยเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่กล่าวมา รวมถึงการหมั่นตรวจเช็กสุขภาพหัวใจจะช่วยห่างไกลจากโรคหัวใจได้.