|
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 14/12/2555 ] |
|
|
|
|
หมอเตือนลูกน้อยเป็นมะเร็งจอตา |
|
|
|
|
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ศ.พญ.ละอองศรี อัชชะนียะสกุล หัวหน้าสาขาวิชาจักษุวิทยาเด็กและกล้ามเนื้อตา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เผยว่า โรคมะเร็งจอตาเกิดจากความผิดปกติในการแบ่งตัวของเซลล์เพื่อพัฒนาไปเป็นเซลล์รับแสงในจอตาจนไม่สามารถควบคุมได้ และอาจกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เป็นมะเร็งที่อวัยวะอื่น ๆ ส่วนใหญ่มักจะพบในเด็กแรกเกิดจนถึง 5 ขวบ พบน้อยมากในเด็กอายุ 7 ขวบขึ้นไป นอกจากนี้โรคดังกล่าวยังถือเป็นโรคที่มักเกิดกับเด็กอันดับ 3 รองลงมาจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและเนื้องอกในสมอง ซึ่งหากไม่รีบทำการรักษาจะทำให้เสียชีวิตภายใน 2 ปี
ศ.พญ.ละอองศรี กล่าวว่า โรคมะเร็งจอตาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม พบมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์อีกทั้งยังสามารถเป็นโรคมะเร็งจอตาได้ทั้ง 2 ข้าง ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้ถ่ายทอดทางพันธุกรรมพบอัตราการเกิดประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่จะเป็นที่ตาข้างใดข้างหนึ่ง หรือตำแหน่งเดียวในจอตา และโอกาสที่เซลล์มะเร็งจะก่อให้เกิดโรคที่อวัยวะอื่นก็พบได้น้อยกว่าในกลุ่มที่เกิดจากพันธุกรรม ทั้งนี้ในแต่ละปีประเทศไทยจะพบผู้ป่วยทั่วประเทศประมาณ 40 คน และมีอัตราการเกิดโรคอยู่ที่ 1 ต่อ 18,000-20,000 คน ขณะที่ทั่วโลกจะพบประมาณ 8,000 คน อาการของผู้ที่เป็นโรคส่วนใหญ่รูม่านตาจะเป็นสีขาว เกิดจากการสะท้อนแสงของก้อนมะเร็ง ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด 50-60 เปอร์เซ็นต์ ผู้ป่วยจะมีลักษณะตาวาว สีขาว ๆ กลางตาดำ รองลงคืออาการตาเหล่พบประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นผู้ป่วยอาจมีอาการตาอักเสบ ตาแดง ม่านตาทั้ง 2 ข้างสีไม่เหมือนกันเพราะเกิดจากการที่มีเส้นเลือดฝอยมากผิดปกติ ปวดตา มีการอักเสบเยื่อบุลูกตา และลูกตาฝ่อ ค่อนข้างพบได้น้อย. |
| | |
|
|