หมอกควันเชียงใหม่โคม่า ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่อมก๋อยสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 715 มคก./ลบ.ม. ส่วนในเมือง 445 มคก./ลบ.ม. ทหารต้องนำรถน้ำไปฉีดพ่นลดมลพิษ ส่วนที่แม่ฮ่องสอนและเชียงรายวิกฤติไม่แพ้กัน ฝุ่นเกินมาตรฐานไปหลายเท่าตัว สาเหตุเกิดจากไฟป่าฝั่งพม่า ด้านกรุงเทพฯและปริมณฑลเจอพายุหลงฤดูถล่มเสียหายหนัก เสาไฟฟ้าหัก 10 ต้นล้มทับรถพัง 4 คัน ส่วนที่ศรีราชา จ.ชลบุรี ฝนกระหน่ำน้ำท่วมบ้านกว่าครึ่งเมตร ต้นโพธิ์ใหญ่อายุกว่า 150 ปีล้มฟาดกำแพงโบสถ์และเจดีย์พัง
          หมอกควันภาคเหนือยังน่าเป็นห่วง โดยวันที่ 15 มี.ค. ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ถึงแม้ว่าวันนี้เป็นวันแรกที่จังหวัดประกาศห้ามเผาทุกชนิดอย่างเด็ดขาดตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.-30 เม.ย. เป็นเวลา 45 วัน แต่สถานการณ์หมอกควันไม่ได้คลี่คลายลง ไฟป่ายังเกิดขึ้นทุกอำเภอ ล่าสุดที่ อ.ปาย เกิดไฟป่าในพื้นที่ห้วยช้างเฒ่า ต.เวียงเหนือ เสียหาย 14 ไร่ ทำให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ในช่วงเช้าสูงถึง 242 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) หมอกควันลอยเต็มท้องฟ้า ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เก็บตัวอยู่ในบ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมควันพิษ หากจำเป็นต้องออกจากบ้านก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน ทำให้หน้ากากอนามัยเริ่มขาดแคลนและหาซื้อได้ยาก
          นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผวจ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ควันไฟป่าที่ปกคุมเมืองแม่ฮ่องสอน ส่วนหนึ่งมาจากฝั่งประเทศเมียนมา ประกอบกับภูมิประเทศตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเป็นแอ่งกระทะ อากาศนิ่งไม่ถ่ายเท จึงเกิดการสะสมของหมอกควันเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน ส่วนสาเหตุการเกิดไฟป่าในพื้นที่ เนื่องจากราษฎรเข้าไปแผ้วถางป่าและจุดไฟเผาวัชพืชเพื่อเตรียมทำการเกษตร แต่ขาดการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด ปล่อยให้ไฟป่าลุกลามขยายวงกว้างไม่สามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ขณะนี้ถือว่ายังควบคุมได้ โดยกำชับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย หากพบผู้ใดจุดไฟเผาป่าให้ดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดทันที
          ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ หมอกควันยังเพิ่มขึ้นทุกวัน ในตัวเมืองเชียงใหม่อยู่ที่ 445 มคก./ลบ.ม. ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 33 ได้ส่งรถบรรทุกน้ำ 3 คันออกฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มสร้างความชุ่มชื้นในอากาศรอบคูเมืองเชียงใหม่เป็นระยะทางราว 8 กม. โดยเฉพาะบริเวณข่วงประตูท่าแพ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเชียงใหม่ ส่วนหมอกควันในอำเภอต่างๆสูงขึ้นเช่นกัน โดยที่ อ.อมก๋อย สูงเป็นประวัติการณ์ของ จ.เชียงใหม่ อยู่ที่ 715 มคก./ลบ.ม. ทั้งที่เป็นพื้นที่เผาป่าน้อยกว่าทุกอำเภอ สาเหตุเป็นเพราะพื้นที่อมก๋อยอยู่ติดกับ จ.แม่ฮ่องสอน ที่มีปัญหาไฟป่ามาก ทำให้ควันไฟถูกลมพัดลอยเข้ามาเป็นจำนวนมาก
          ที่อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ถนนพหลโยธิน อ.เมืองเชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผวจ.เชียงราย สั่งระดมรถดับเพลิงและรถน้ำออกฉีดพ่นละอองน้ำสร้างความชุ่มชื้นเพื่อลดหมอกควันที่ปกคลุมทั่วเมืองติดต่อกันมาหลายวัน โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา สภาพอากาศเลวร้ายหนักเหมือนอยู่ในเมืองหมอก ส่วนบนยอดดอยสูงจะมองเห็นไม่เกิน 10 เมตร ที่บ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ หลายครอบครัวทนอยู่ไม่ไหวต้องอพยพลงมาอยู่บ้านญาติบนพื้นราบ ส่วนคุณภาพอากาศช่วงเช้าที่สถานีวัดอากาศ อ.แม่–สาย จ.เชียงราย วัดค่า PM 2.5 ได้ 340 มคก./ลบ.ม. สูงเกินมาตรฐาน 50 มคก./ลบ.ม. เกือบ 7 เท่า ส่วนพื้นที่ อ.เวียงแก่น พบค่าฝุ่นสูงถึง 424 มคก./ลบ.ม. ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 แล้ว
          ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พร้อม พ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2 ในฐานะประธานคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ข้ามฝั่งไปที่ร้านปลอดภาษี จ.ท่าขี้เหล็ก เพื่อหารือเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมียนมาอย่างไม่เป็นทางการเพื่อขอความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาหมอกควันจากการเผาป่าที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง เพราะแม้ จ.เชียงรายจะมีการเผาน้อยมาก แต่สาเหตุหลักเกิดจากกระแสลมตะวันตกเฉียงใต้พัดเอาหมอกควันจากฝั่งเมียนมาเข้ามาพื้นที่แม่สาย ประกอบกับความกดอากาศต่ำแผ่ปกคลุมกดไว้นาน จึงขอฝ่ายเมียนมาช่วยแก้ปัญหาห้ามชาวบ้านเผาป่า จ.พะเยา หมอกควันยังคงเกินมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ค่า PM 2.5 พื้นที่ อ.เมืองพะเยา อยู่ที่ 261 มคก./ลบ.ม. จนมองเห็นหมอกควันได้อย่างชัดเจน ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประกาศเตือนประชาชนให้งดทำกิจกรรมในที่โล่งแจ้ง ส่วนที่ อ.แม่สอด จ.ตาก หมอกควันจากไฟป่ายังเกิดขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเกิดไฟป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ ริมถนนสายตาก-แม่สอด ใกล้ศาลพะวอ ต.พะวอ อ.แม่สอด เสียหายกว่า 30 ไร่ ส่งผลให้ค่าฝุ่นพุ่งสูงที่ 115 มคก./ลบ.ม.
          ขณะเดียวกันหลายพื้นที่เกิดพายุหลงฤดูพัดถล่มอย่างหนัก โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ จ.นนทบุรี เกิดฝนตกและลมแรง ทำให้เสาไฟฟ้า ภายในซอยจุฬาเกษม แยก 18 ถนนงามวงศ์วาน ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี หักโค่นไปหลายต้น เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครนนทบุรีร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง เขตนนทบุรี ตรวจพบเสาไฟล้ม 10 ต้น โค่นทับรถยนต์เสียหาย 4 คัน ส่งผลให้ไฟฟ้าดับหลายชั่วโมง สอบถามชาวบ้านทราบว่าก่อนเกิดเหตุลมพัดแรงและมีฝนตกหนัก จากนั้นได้ยินเสียงหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดและเสาไฟฟ้าหักโค่นทับรถหลายคัน
          ที่ จ.อ่างทอง เกิดพายุฤดูร้อนในพื้นที่ อ.ไชโย โดยที่วัดมหานาม หมู่ 4 ต.ไชยูมิ อ.ไชโย ที่อยู่ระหว่างจัดงานปิดทองหลวงพ่อขาวถูกพายุพัดถล่มร้านค้าที่มาตั้งเต็นท์ขายของกว่า 100 ร้านพังเสียหายเกือบทั้งหมด นายสุดเขต หลวงพา อายุ 46 ปี พ่อค้า เล่าว่า มาเปิดร้านขายของในงานประจำปีปิดทองหลวงพ่อขาวตั้งแต่วันที่ 14-15 มี.ค. ช่วงเย็นวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมาเกิดพายุและลมพัดแรงตลอดทั้งคืน กระทั่งช่วงตีห้าครึ่งเกิดฝนตกหนักและลมพัดแรงมากจนเต็นท์ร้านค้าล้มกระจัดกระจาย บางหลังถูก ลมหอบแบบถอนรากถอนโคนได้รับความเสียหายหมด
          เช่นเดียวกับที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เกิดฝนตกหนักน้ำระบายไม่ทันเอ่อท่วมชุมชนตลาดฉลอง หมู่ 2 ต.สุรศักดิ์ บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมสูงกว่า 50 ซม. รถ จยย.ไม่สามารถวิ่งเข้าออกได้หลังเกิดเหตุนายธนะพัฒน์ พันเฉลิมชัยโชค นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ สั่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วน ส่วนที่วัดหนองค้อ หมู่ 9 ต.หนองขาม ต้นโพธิ์ใหญ่อายุกว่า 150 ปี ถูกลมพัดโค่นทับกำแพงโบสถ์ ทำให้เจดีย์เสียหาย นอกจากนี้ยังทับรถกระบะจนหลังคายุบ พระครูธรรมจริยานุกูล เจ้าอาวาสวัดหนองค้อ เผยว่า จากการตรวจสอบเจดีย์รอบโบสถ์เสียหายประมาณ 10 จุด การบูรณะต้องให้ช่างศิลป์ทำเท่านั้น เพื่อให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม