Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [ วันที่ 12/10/2563 ]
ผวาโควิดลาม ประท้วงขอปิดด่าน

ชายแดนจังหวัดตากเหตุพม่าระบาด
          ชาวแม่สอดผวาซ้ำ สธ.พบคนขับรถสินค้าชาวเมียนมาติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 คน รวมเป็น 3 คน เปิดไทม์ไลน์ไปไหนตลอดวันก่อนกลับประเทศ ด้านจังหวัดตากไม่รอช้าออกมาตรการคุมเข้มทันที สกัดรถสินค้าผ่านด่านพรมแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 จนหวิดวุ่น เมื่อเมียนมาปิดสะพานตอบโต้ ขณะเดียวกัน ม็อบโผล่ประท้วงขอให้ปิดด่านชายแดนตากทั้งหมด จนกว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ ด้านสื่อเมียนมาย้ำ “ย่างกุ้ง” คือศูนย์กลางระบาด ขณะที่ไทยยังพบชาวต่างชาติติดเชื้อ 1 คน กับทหารไทยกลับจากซูดานติดเชื้อกลับมาด้วย
          จากกรณีสาธารณสุขไทยตรวจพบคนขับรถขนสินค้าชาวเมียนมา 2 คน ที่เข้ามาส่งและซื้อสินค้าใน อ.แม่สอด จ.ตาก ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบรุนแรง (โควิด-19) และเดินทางกลับประเทศเมียนมาไปแล้ว ทำให้ต้องเร่งตรวจหาเชื้อคนที่สัมผัสใกล้ชิดกับชาวเมียนมาทั้งสอง และสร้างความวิตกให้กับคนในพื้นที่อย่างมากว่าอาจทำให้เกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่
          คุมเข้มด่านสะพานมิตรภาพฯ
          ต่อมาเมื่อช่วงสายวันที่ 11 ต.ค. ที่บริเวณด่านพรมแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ด่านขาออก นายศุภภิมิตร เปาริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก พ.อ.วิทยา แก้วพรม รอง ผบ.มทบ.310 นายชัยพฤกติ์ เชียรธานรักษ์ นายอำเภอแม่สอด พันเอกกฤษณ์ กิตยาธิวัฒน์ รอง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 ทหาร ฉก.ร.14 เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ด่านตรวจคนเข้าเมืองตาก ศุลกากรแม่สอด ฝ่ายปกครอง อ.แม่สอด ประธานหอการค้า จ.ตาก ตำรวจ สภ.แม่สอด ได้ไปสกัดกั้นไม่ให้รถของชาวเมียนมาผ่านด่านเข้าไปในเมืองแม่สอด เป็นการปฏิบัติการวันแรก ตามมาตรการคุมเข้มเพื่อป้องกันไวรัสโควิดระบาดเข้าไปในประเทศไทย ซึ่งพบว่ามีรถจากจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ข้ามสะพานมิตรภาพเข้ามาตั้งแต่เช้ามืดมาออหน้าด่านจำนวนมาก ทำให้ต้องมีการสั่งให้กลับไปรอในจุดพักรอการขนถ่ายสินค้า
          เมียนมาสั่งปิดสะพานตอบโต้
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการห้ามรถเมียนมาเข้าประเทศไทย ทำให้ฝั่งประเทศเมียนมาไม่เข้าใจ สั่งปิดสะพานมิตรภาพฝั่งเมียนมาทันที ส่งผลให้รถสินค้านับร้อยคันจากฝั่งไทยที่จะข้ามไปส่งสินค้าฝั่งจังหวัดเมียวดีต้องติดค้างตั้งแต่กลางสะพานจนถึงประตูด้านใน เจ้าหน้าที่ชุดประสานงานชายแดนไทย-เมียนมา ต้องโทรศัพท์เจรจากันนานนับชั่วโมง เหตุการณ์จึงผ่อนคลาย เมียนมายอมเปิดสะพานมิตรภาพอีกครั้ง ขณะที่ร้านค้าในแม่สอด ได้นำสินค้าตามสั่งของเมียนมามาส่งขนถ่ายกับรถเมียนมาที่เข้ามารับสินค้าตรงลานขนถ่ายสินค้าหน้าด่านพรมแดน ทำให้เหตุการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี โดยนายสมสิทธิ์ สาระธร อายุ 43 ปี คนขับรถส่งสินค้าไปเมียนมา กล่าวว่า ช่วงนี้ข้ามไปส่งสินค้าต้องระมัดระวังอย่างมากเพราะเมียนมาโควิดติดกันมาก และตั้งแต่ต้นเดือนทางการเมียนมาจัดที่รับส่งสินค้าในจุดเดียวคือที่แลกเปลี่ยนขนถ่ายสินค้าของ จ.เมียวดี แห่งเดียวเท่านั้น
          ยันเคลียร์แล้วแค่เหตุเข้าใจผิด
          ต่อมานายศุภภิมิตร เปาริก รอง ผวจ.ตาก เปิดเผยว่า หลังจากตรวจพบคนขับรถเมียนมาติดโควิด ทางเราต้องวางมาตรการเข้มในการเฝ้าระวัง และวันนี้ออกคำสั่งจังหวัดห้ามรถเมียนมาเข้าเมือง เพื่อป้องกันโรค ให้รถเมียนมาขนถ่ายสินค้าบริเวณหน้าด่านแห่งเดียว เบื้องต้นได้มีการประสานจังหวัดเมียวดีแล้ว แต่เจ้าหน้าที่คงเข้าใจผิด
          แม่สอดเจอเมียนมาติดเชื้ออีก 1
          จากนั้นช่วงบ่ายวันเดียวกัน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป นายธนิตพล ไชยนันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันแถลงข่าวที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ถึงความคืบหน้ากรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 บริเวณชายแดนอำเภอแม่สอด จ.ตาก โดย นพ.โอภาส กล่าวว่า จากการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกตามแนวชายแดน โดยตรวจคัดกรองพนักงานขับรถที่ขนส่งสินค้าจากประเทศเมียนมา วันที่ 8 ต.ค. มีการคัดกรองพนักงานขับรถบรรทุกสินค้า 55 คน ผลเป็นลบทั้งหมด วันที่ 9 ต.ค. คัดกรองพนักงานขับรถชาวเมียนมาที่บรรทุกสินค้ามาที่ไทย ในโกดังอาลี และโกดังสิงห์รุ่งเรือง จำนวน 60 คน พบผลเป็นบวก 2 คน และวันที่ 10 ต.ค. คัดกรองผู้สัมผัสใกล้ชิดแรงงานในชุมชนอีก 74 คน พบผลเป็นบวกอีก 1 คน โดยผู้ติดเชื้อทั้ง 3 คน เป็นชาวเมียนมาทั้งหมด และจากนี้จะมีการตรวจคัดกรองกลุ่มพนักงานขับรถที่ผ่านเข้าออกชายแดนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อติดตามผล
          เปิดไทม์ไลน์ 3 เมียนมา
          ขณะที่ นพ.โสภณกล่าวว่า สำหรับไทม์ไลน์ของพนักงานขับรถชาวเมียนมาที่ตรวจพบเชื้อทั้ง 3 รายนั้น รายแรกเดินทางเข้าไทย 2 รอบ ไปที่โกดังอาลี แยกขายปลาตลาดพาเจริญ และโกดังสิงห์รุ่งเรือง โดยขับรถรับส่งสินค้า รอบเช้า 10.00 น. รอบ 15.00 น. รายที่ 2 เดินทางเข้าไทย 1 รอบ ไปที่โกดังสิงห์รุ่งเรืองเพียงแห่งเดียว เข้าในเวลา 10.00 น.และออกจากด่าน 16.00 น. ส่วนรายที่ 3 เป็นพนักงานขับรถชาวเมียนมาเช่นกัน ทุกคนรักษาตัวที่โรงพยาบาลในจังหวัดเมียวดี สำหรับในไทยก็อยู่ระหว่างการสอบสวนควบคุมโรค มีการคัดกรองแรงงานในชุมชน 74 คน ผลออกมาแล้วเป็นลบ 60 คน ส่วนที่เหลือ 13 คน ยังต้องรอผลการตรวจยืนยัน จากห้องปฏิบัติการและทุกคนที่รับการตรวจต้องกักตนเองจนครบ 14 วัน ส่วนชุมชนฝั่งเมียนมา มีผู้สัมผัสโรค ประมาณ 100 คน ถูกนำเข้าสถานที่กักตัวของเมียนมา
          ชาวบ้านรวมตัวขอปิดด่านทุกจุด
          เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากกระทรวงสาธารณสุขเผยว่า ตรวจพบคนขับรถชาวเมียนมาที่เข้ามาใน อ.แม่สอด จ.ตาก ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 คน ทำให้ที่หน้าด่านพรมแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อ.แม่สอด กลุ่มเครือข่ายภาคประชาชนชายแดน มารวมตัว ประท้วงขอให้ ผวจ.ตาก ศุลกากรแม่สอด ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก ปิดด่านชายแดนด้านจังหวัดตากทุกจุดเพื่อป้องกันโควิดระบาดจากฝั่งเมียนมาเข้ามา ให้เหตุผลว่าจากการตรวจพบคนขับรถชาวเมียนมา 2 รายติดเชื้อโควิด ส่งผลให้ประชาชนตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะหากเปิดพรมแดนเชื้อโรคก็จะแพร่เข้ามาในประเทศ ไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงขอยื่นหนังสือผ่านไปยัง ผวจ.ตาก ขอปิดชายแดนจนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลาย มีนายธวัชชัย อ่อนสาร ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอแม่สอด และนางสาวศิริพร สอนไว ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันอำเภอแม่สอด ผู้ประท้วงได้ขีดเส้นตายภายใน 3 วัน หากยังไม่เป็นผลจะนำชาวบ้านมาประท้วงมากกว่านี้ จากนั้นผู้ชุมนุมได้สลายตัวไปท่ามกลางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เข้าควบคุมความสงบ
          ไทยพบติดเชื้อจาก ตปท. 2 คน
          ส่วนภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ของไทย ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานเมื่อวันที่ 11 ต.ค.ว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 2 คน เดินทางมาจากต่างประเทศ และอยู่ในสถานกักกัน ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 3,636 คน หายป่วยเพิ่ม 6 คน เหลือผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 126 คน ผู้เสียชีวิตคงเดิมที่ 59 คน ผู้ป่วยรายใหม่ 2 คน คนแรกเป็นทหารไทยเดินทางมาจากซูดานใต้ อายุ 36 ปี ถึงไทยวันที่ 22 ก.ย. ตรวจเชื้อครั้งแรก วันที่ 26 ก.ย. ไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 4 ต.ค. ผลไม่ชัดเจน ตรวจครั้งที่ 3 วันที่ 6 ต.ค. ผลไม่ชัดเจน และเมื่อตรวจครั้งที่ 4 วันที่ 9 ต.ค. เป็นวันที่ 17 ของการกักตัว พบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ เข้ารักษาตัวใน รพ.พระมงกุฎเกล้า สรุปทหารไทยเดินทางกลับมาทั้งหมด 181 คน ป่วย 31 คน คิดเป็นร้อยละ 17.68 ผู้ติดเชื้อคนที่สอง เป็นหญิงญี่ปุ่น อายุ 36 ปี ถึงไทยวันที่ 24 ก.ย.ตรวจครั้งแรกวันที่ 29 ก.ย. ไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่ 2 พบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ
          กต.ย้ำให้ต่างชาติเข้าไทยตามกฎ
          ต่อมา นายณัฐภาณุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ชี้แจงเกี่ยวกับกระบวนการนำชาวต่างชาติเข้าประเทศไทย ว่า กระทรวงดำเนินการทุกอย่าง ตามขั้นตอนและเป็นไปตามข้อกำหนดของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ที่มีมาตรการผ่อนคลายให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย กระทรวงตรวจลงตราให้กลุ่มต่างๆ คือ 1.กลุ่ม Long Stay 2.กลุ่มผู้ถือบัตร APEC Card จาก 10 เขตเศรษฐกิจที่มีการติดเชื้อโควิด-19 ในอัตราต่ำ 3.กลุ่มผู้ที่มาติดต่อธุรกิจระยะสั้นและลงทุน 4.กลุ่มผู้ที่มาพำนักระยะสั้น-ยาว ที่มีหลักทรัพย์แสดงไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท และ 5.กลุ่มนักท่องเที่ยว Special Tourist Visa (STV) ที่ทำตามประกาศกระทรวงมหาดไทย มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ต.ค.โดยมีเป้าหมาย เพื่อให้ช่วยขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย
          ย่างกุ้งศูนย์กลางระบาด
          ส่วนการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทั่วโลก สำนักข่าวต่างประเทศจับตาประเทศแถบเอเชียและอาเซียนมากขึ้น โดยสื่อท้องถิ่นเมียนมารายงานข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่าเมียนมาพบผู้ติดเชื้อในวันเดียว 2,158 คน ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมเพิ่มเป็น 26,064 คน เสียชีวิตรวม 598 คน โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรวมพบว่า ร้อยละ 78 และยอดผู้เสียชีวิตรวม ร้อยละ 93 อยู่ในนครย่างกุ้ง พร้อมเตือนประชาชนว่าสถานการณ์ขณะนี้ ไว้ใจใครไม่ได้ ควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด เพราะประชาชนกว่าร้อยละ 40 ที่ได้รับการตรวจหาเชื้อไม่ทราบว่าตัวเองเป็นตัวแพร่เชื้อและไม่รู้ด้วยว่าติดเชื้อมาจากใคร
          อินเดียทะลุ 7 ล้าน-อิเหนาผ่อน
          สถานการณ์แพร่ระบาดในอินเดียยังคงน่าวิตกกังวล กระทรวงสาธารณสุขรายงานพบผู้ติดเชื้อในวันเดียว 74,383 คน ยอดติดเชื้อรวมเพิ่มเป็น 7.05 ล้านคน เสียชีวิตรวมกว่า 109,000 คน ตามด้วยบราซิล พบผู้ติดเชื้อในวันเดียว 34,560 คน ติดเชื้อ รวมกลายเป็น 5.09 ล้านคน เสียชีวิตรวมทะลุ 150,000 คน อย่างเป็นทางการ ขณะที่เทศบาลกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ประกาศเริ่มกระบวนการผ่อนคลายมาตรการป้องกันไวรัส ตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อให้คนกลับไปทำงานได้ตามปกติ มาตรการครั้งนี้มีขึ้นหลังทางการพบว่าอัตราผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลง แต่กระทรวงสาธารณสุขรายงานวันเดียวกันว่าพบผู้ติดเชื้อในวันเดียว 4,497 คน ส่งผลให้ยอดติดเชื้อรวมเพิ่มเป็น 328,952 คน เสียชีวิตรวม 11,765 คน
          มะกันเชื้อคัมแบ็ก-10 รัฐพุ่ง
          สำหรับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในภาพรวม เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มเป็น 37.7 ล้านคน เสียชีวิตรวม 1.08 ล้านคน เป็นการติดเชื้อในวันเดียวทั่วโลกถึง 355,878 คน แต่ไม่ทำลายสถิติสูงสุดในวันที่ 9 ต.ค. ที่มีจำนวน 358,354 คน ที่สหรัฐอเมริกายอดผู้ติดเชื้อในวันเดียวกลับมาพุ่งสูงเป็นกว่า 58,000 คน ทำสถิติในรอบ 2 เดือน ส่งผลให้ยอดติดเชื้อรวมเพิ่มเป็น 7.94 ล้านคน และมีความเป็นไปได้ว่าจะทะลุ 8 ล้านคน ผู้เสียชีวิตรวมกว่า 2.2 แสนคน พร้อมมีรายงานว่ามี 10 รัฐ ที่ยอดผู้ติดเชื้อในวันเดียวทำสถิติทะลุ 3,000 คน 2 วันติดต่อกัน ในจำนวนนี้รวมถึงรัฐอินเดียนา มินเนโซตา มิสซูรี โอไฮโอ วิสคอนซิน และอิลลินอยส์
          หมอเคลียร์ทรัมป์ไม่ใช่ตัวแพร่เชื้อ
          นอกจากนี้ นายแพทย์ฌอน คอนเลย์ หมอประจำตัวนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงความคืบหน้าอาการป่วยของผู้นำสหรัฐฯ หลังติดเชื้อโควิด-19 ครบ 10 วัน โดยระบุว่า มีความยินดีที่จะแจ้งว่านายทรัมป์ครบเงื่อนไขการกักตัว 10 วันของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ (CDC) และจากการตรวจร่างกายพบว่า ปริมาณไวรัสในร่างกายลดลงเรื่อยๆตลอดการรักษา หากดูจากมาตรฐานทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับนั้น ถือว่านายทรัมป์ไม่มีความเสี่ยงเป็นตัวการแพร่ระบาดเชื้อไปยังผู้อื่น แต่นายแพทย์คอนเลย์มิได้เปิดเผยว่าร่างกายของนายทรัมป์ปลอดเชื้อแล้วหรือไม่ และจากการสอบถามเรื่องนี้ไปยังทำเนียบขาวสหรัฐฯ ไม่ได้รับคำตอบ

 pageview  1210913    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved