กก.คุมโรคเห็นด้วย เสนอศบค.กักตัว10วัน
          โควิด-19 ยังหนักมาก ผู้ติดเชื้อพุ่งกระฉูด วันเดียวทั่วโลกมากถึงกว่า 5 แสนคน ถือเป็นครั้งแรกที่ยอดทะลุครึ่งล้าน สหรัฐฯติดเชื้อเกือบ 10 ล้านคนแล้ว ส่วนฝรั่งเศส ประธานาธิบดีประกาศบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ ปิดประเทศรอบสองเป็นเวลา 2 เดือน ให้ประชาชนเวิร์กฟรอมโฮม 5 วัน/สัปดาห์ แต่โรงเรียนไม่หยุดสอน เช่นเดียวกับเยอรมนี ล็อกดาวน์รอบสอง ปิดร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงยิม สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และห้ามรวมตัวกันเกิน 10 คน หลังยอดติดเชื้อไวรัสมรณะพุ่งกว่า 1.2 ล้านคน คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติของไทยเห็นด้วยลดวันกักตัวจาก 14 วัน
          เหลือ 10 วัน แต่มีเงื่อนไขให้เพิ่มมาตรการอย่างเข้มข้นในช่วง 4 วันที่ลดลงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกยังหนักมาก ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อในวันเดียวทั่วโลก 516,898 คน ถือเป็นครั้งแรกที่สถิติผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 5 แสนคน ขณะที่อัตราการติดเชื้อถือว่าเพิ่มขึ้น 44 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ยอดผู้ติดเชื้อรวมทั่วโลกเพิ่มเป็น 45 ล้านคน เสียชีวิตรวมกว่า 1.18 ล้านคน โดยจุดศูนย์กลางแพร่ระบาดรุนแรงอันดับ 1 ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา ยอดติดเชื้อรวมเพิ่มเป็น 9.12 ล้านคน เสียชีวิตรวมกว่า 233,000 คน ตามด้วยอินเดีย ยอดติดเชื้อรวมอยู่ที่ 8.04 ล้านคน เสียชีวิตรวมกว่า 121,000 คน
          ด้านภูมิภาคยุโรป ที่สถานการณ์เข้าสู่การแพร่ระบาดระลอกสองอย่างชัดเจน นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ประกาศบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ปิดประเทศรอบสอง เป็นระยะเวลา 2 เดือน ร้านอาหาร ผับบาร์ และธุรกิจที่ไม่จำเป็น จะถูกปิดจนถึงวันที่ 1 ธ.ค. ส่วนที่ยังต้องทำงาน รัฐบาลขอร้องให้ทำงานที่บ้าน 5 วันต่อสัปดาห์ แต่โรงเรียนจะไม่หยุดการเรียนการสอนทว่านักเรียนอายุ 6 ขวบขึ้นไปจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะที่มหาวิทยาลัยจะต้องเปิดการเรียนการสอนทางออนไลน์เท่านั้น
          เช่นเดียวกับที่เยอรมนี นางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้เผยแผนการล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบสองระยะสั้น ตั้งแต่วันที่ 2-30 พ.ย. ปิดการให้บริการร้านอาหาร ผับบาร์ โรงยิม สระว่ายน้ำ ศูนย์ฟิตเนส สถานที่สาธารณะห้ามรวมตัวเกิน 10 คน โรงแรมไม่ควรเปิดรับนักท่องเที่ยว แต่สถานศึกษา ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก และร้านขายสินค้า จะได้รับอนุญาตให้เปิดบริการตามปกติ โดยทั้งนี้ ยอดติดเชื้อรวมในฝรั่งเศสเพิ่มเป็น 1.23 ล้านคน เสียชีวิตรวมกว่า 35,700 คน ยอดติดเชื้อรวมในเยอรมนีเพิ่มเป็น 481,000 คน เสียชีวิตรวมกว่า 10,300 คน
          สื่อท้องถิ่นยุโรปยังรายงานอ้างผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ที่ประเมินสถานการณ์แพร่ระบาดในอังกฤษ และพบว่าอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ของอังกฤษ ถือว่าอยู่ในอัตราเร่ง โดยทุกๆ 9 วัน จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นเท่าตัว และหากประเมินจากสัดส่วนของผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการป่วยแล้ว ทำให้เชื่อได้ว่าอังกฤษมีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 96,000 คน นอกจากนี้ ยังมี 12 ประเทศในยุโรป ที่พบยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในวันเดียวพุ่งทำสถิติ ได้แก่ โครเอเชีย บอสเนีย บัลแกเรีย เอสโตเนีย โรมาเนีย โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ สโลวีเนีย รัสเซีย และยูเครน
          ที่ไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างนโยบายการกักกันโรคในประเทศรองรับการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในระยะยาว ประกอบด้วย 1.จัดให้มีระบบการกักกันโรคกับสถานที่กักกันให้ได้มาตรฐานและเพียงพอทุกพื้นที่ 2.พัฒนาจัดการระบบการกักกันโรคและสถานที่กักกันโรคให้เป็นเอกภาพ
          ทั้งระดับชาติและจังหวัด 3.บูรณาการข้อมูลทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง โดยมอบหมายให้กรมควบคุมโรค นำเสนอ ศบค.ในการประชุมครั้งหน้า ส่วนข้อเสนอลดวันกักตัวจาก 14 วัน เหลือ 10 วัน ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการฯเห็นด้วยแต่ให้เพิ่มมาตรการอย่างเข้มข้น เช่น การติดตามตัว การรายงานตัว การปฏิบัติตัว อาทิ ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ไม่เข้าร่วมกิจกรรมในที่ชุมชน เป็นต้น โดยจะเสนอให้ ศบค.พิจารณาเช่นกัน
          ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ที่ผ่านมา การดำเนินการสั่งให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยต้องเข้าสถานที่กักกันนั้น เป็นประกาศของ ศบค. แต่นโยบายการกักกันโรคระดับชาติดังกล่าว จะส่งผลให้กรมควบคุมโรคต้องไปดำเนินการออกประกาศ ระเบียบ ข้อปฏิบัติภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายนี้ จะถูกเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย
          ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานวันที่ 29 ต.ค.ว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 4 คน เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้ากักตัวในสถานที่ของรัฐ โดยมาจากญี่ปุ่น 1 คน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 คน และคูเวต 2 คน ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,763 คน เสียชีวิตคงที่ 59 คน
          วันเดียวกัน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าฯ ททท. กล่าวว่า ได้หารือร่วมกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน ถึงแนวทางการส่งเสริมภาคท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการเดินทางทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ รวม 3 เรื่องหลัก เพื่อนำเสนอต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังครบกำหนดกักตัว 14 วัน ในไทย ให้กระจายไปยังเมืองท่องเที่ยวอื่นๆในต่างจังหวัด โดย ททท.จะเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายส่วนจะสนับสนุนในสัดส่วนเท่าไหร่ ต้องหารือเพิ่มเติม ส่วนประเด็นหญิงฝรั่งเศสติดโควิด-19 กับความไม่พร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของคนในพื้นที่ภูเก็ต ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มวีซ่าประเภทพิเศษ ทุกเที่ยวบินต้องลงสนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมดและเข้ากักตัวในโรงแรมที่เป็นสถานกักกันทางเลือกของรัฐ หรือ ASQ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้นในช่วงนี้ เมื่อกักตัวครบ 14 วัน นักท่องเที่ยวถึงจะเดินทางไปยังพื้นที่อื่นในไทยได้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ากักตัวในโรงแรม ALSQ ต่างจังหวัด ยังต้องรอความพร้อม การยอมรับของคนในพื้นที่และดีมานด์ของเที่ยวบินตรงสู่เมืองท่องเที่ยวนั้นๆ ในระยะถัดไป
          นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมห้องปฏิบัติการชีวโมเลกุล ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวประเภทวีซ่าพิเศษจากจีน 2 กลุ่มเดินทางเข้ามาไทยผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 186 คน และผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้พบไม่มีผู้ติดเชื้อ ขณะนี้อยู่ระหว่างกักตัว 14 วันและจะมีการตรวจหาเชื้อซ้ำ หากไม่พบติดเชื้อก็เดินทางท่องเที่ยวในไทยได้
          ส่วนความคืบหน้าผลการถอดรหัสสารพันธุกรรมเชื้อโควิดของหญิงฝรั่งเศสและผู้ป่วยต่างชาติอีก 2 คน ในสถานกักตัวทางเลือกใน จ.สมุทรปราการ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ผลตรวจเบื้องต้นออกมาแล้วว่า รหัสสารพันธุกรรมของหญิงฝรั่งเศส ไม่เหมือนกับผู้ติดเชื้ออีก 2 คน เป็นเชื้อคนละกลุ่มกันที่จังหวัดตาก หลังจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตาก มีคำสั่งห้ามรถจากประเทศเมียนมา
          เข้ามาในเขตตัวเมืองแม่สอด ให้มารับส่งสินค้าได้บริเวณหน้าด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อ.แม่สอด เพียงแห่งเดียว เพื่อป้องกันโควิด-19 ที่อาจจะมากับรถและคนขับรถของเมียนมา แม้ว่าจะไม่สะดวกแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี มีรถเข้ามารับส่งสินค้ากว่า 300 คัน ท่ามกลางการตรวจคัดกรองเข้มคนขับรถเมียนมา ส่วนวันที่ 29 ต.ค.ตั้งแต่เช้ามีรถรอคิวแล้วกว่า 500 คันจนติดเต็มสะพานข้ามแดน
          ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเมียนมา จังหวัดเมียวดี ติดชายแดนแม่สอด ที่มีผู้ติดเชื้อกว่า 5 หมื่นคน เสียชีวิตกว่า 1 พันคน สร้างความตื่นตระหนก กับคนพื้นที่ชายแดน จ.ตาก ฝ่ายสาธารณสุขจึงออกตรวจเชิงรุกทั้ง 5 อำเภอชายแดน จนถึงขณะนี้ตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ไปแล้ว 13,037 ราย เป็นคนไทย 5,148 ราย ต่างด้าว 7,889 ราย ผลเป็นลบและจากการปิดด่านพรมแดนด้าน อ.แม่สอดไป 1 สัปดาห์ มีข้อมูลจากหอการค้าจังหวัดตาก ไทยสูญเสียรายได้จากการส่งออกไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท
          อีกด้าน นางติ่น ติ่น เมี๊ยะ ประธานหอการค้าจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ได้ทำหนังสือถึงนายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผวจ.ตาก ขอผ่อนผันให้รถจากเมียนมาเข้าไปเขตชั้นนอกเมืองแม่สอด เช่นห้างแม็คโคร ห้างโรบินสัน ได้ เพื่อหาซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นเพราะทั้ง 2 ห้างมีลูกค้าเป็นชาวเมียนมากว่า 75% โดยจะไม่ขอเข้าไปในเมืองชั้นใน โดยให้เหตุผลว่า หลังจากไทยออกมาตรการห้ามรถเมียนมาเข้าเมือง ส่งผลให้สินค้ามีราคาแพงมากขึ้น คนขับรถขาดรายได้และเกิดความยากลำบากในการดำเนินชีวิตในช่วงโควิดระบาด อาจส่งผลให้การทำงานของหน่วยงานปกครองยากลำบากยิ่งขึ้นในช่วงที่จะมีการเลือกตั้งในเมียนมา ในฐานะเมืองพี่เมืองน้องจึงขอความอนุเคราะห์ ท่าน ผวจ.ตาก พิจารณาอนุญาตให้สามารถเข้าถึงสถานที่ดังกล่าวได้ โดยได้ยกวลีเด็ดของเมียนมาที่ว่า “หากหน้าบ้านร้อน หลังบ้านก็ไม่มีความสุข” มากล่าวขอความเห็นใจด้วย