ในเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ถ้ามีการสำรวจระดับโลก ประเทศไทยมักจะติดอันดับต้นๆในด้านลบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทุจริตคอรัปชัน หรือการค้ามนุษย์ จึงน่าแปลกใจที่ผลการสำรวจ “ความสุข” ล่าสุด ใน 148 ประเทศ ไทยคว้าอันดับที่ 6 ในกลุ่มประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลก ได้คะแนน 83% รองจากปานามา ซึ่งได้ 85% เป็นประเทศที่สุขที่สุดในโลก
ผลการสอบถามความเห็นประชาชนเกือบ 15,000 คน ของสำนัก แกลลัพโพล พบว่า ประเทศที่ประชากรมีความสุขที่สุดในโลก ไม่ใช่ประเทศมหาเศรษฐี ไม่ว่าจะเป็นกาตาร์ ญี่ปุ่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ล้วนแต่ไม่ติดกลุ่ม 1 ใน 10 หรือ “ท็อปเทน” ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกกลายเป็นกลุ่มละตินอเมริกา คือ ปานามา ปารากวัย เอลซัลวาดอร์ เป็นต้น
นักเศรษฐศาสตร์มักจะวัดความสุขของผู้คน ด้วยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในหรือจีดีพี หรือวัดกันด้วยรายได้ต่อหัวของประเทศนั้นๆ แต่ในการสำรวจคราวนี้มีดรรชนี ชี้วัดความสุขที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ “อารมณ์” ของประชาชน พบว่า สิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 5 ของโลก แต่ประชาชนกลับไม่มีความสุข เพราะเป็นสังคมที่ไร้อารมณ์ที่สุดในโลก เปรียบกับบางประเทศในละติน- อเมริกา เช่น กัวเตมาลา ถึงจะเป็นประเทศที่ไม่ร่ำรวย และมีปัญหาภายในมากมาย มีสงครามการเมือง และมีอัตราการฆ่ากันตาย สูงสุดประเทศหนึ่ง แต่กลายเป็นประเทศที่มีความสุขติดกลุ่มท็อปเทน เพราะคนกัวเตมาลาอารมณ์ ดีมีความเป็นมิตรสูง และยิ้มอยู่เสมอ คล้ายกับไทยที่เคยได้รับยกย่องเป็น “สยามเมืองยิ้ม” จึงไม่น่าแปลกใจที่ไทยติดอันดับ ที่ 6 เป็น 1 ใน 10 หรือท็อปเทน ของกลุ่มประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ถึงแม้ในทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยจะไม่ใช่เศรษฐี แต่อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง แต่ไทยเป็นสยามเมืองยิ้ม คนไทยเป็นมิตร ไมตรีกับเพื่อนบ้านและชาวต่างประเทศ และยึดถือหลักพระพุทธศาสนาที่ว่า “ไม่มีความสุขใดยิ่งไปกว่าความสงบ”
ผลการสำรวจความเห็นคน กทม. โดยสำนักวิจัยเอแบคโพลครั้งล่าสุด เมื่อถามถึงข่าวหรือเหตุการณ์ในปี 2555 ที่ทำให้มีความสุขที่สุด คนไทยส่วนใหญ่ระบุข่าวการเสด็จออกมหาสมาคม ในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ทำให้มีความสุขที่สุดเป็นความสุขทางจิตใจโดยแท้ ไม่เกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองทางวัตถุ หรือรายได้ประชากร
แต่ผลการศึกษาของเอแบคโพล เมื่อถามถึงของขวัญปีใหม่ 2556 ที่อยากได้จากนักการเมือง คนไทยส่วนใหญ่ขอให้นักการเมืองเลิกทะเลาะกัน เลิกแบ่งฝักแบ่ง ฝ่าย และมีความรักสามัคคี เช่นเดียวกับเรื่องที่อยากให้หมดสิ้นไปกับปี 2555 คนส่วนใหญ่ก็ระบุว่า ต้องการให้การทะเลาะ การขาดสามัคคี การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายหมดสิ้นไป แต่นักการเมืองจะให้ได้หรือไม่