Follow us      
  
  

ไทยโพสต์ [ วันที่ 07/10/2563 ]
นำเข้า โควิด รายวันอีก10จ่อเพิ่มสายการบินรองรับ

ไทยติดเชื้อใหม่ 10 ราย มาจากคูเวต-ฮ่องกง-รัสเซีย-อเมริกา สธ.เผย 154 รพ.เอกชนรับผู้ป่วยต่างชาติกักตัว โกยรายได้เข้าประเทศ 29.9 ล้าน ชง ศบค.เพิ่มสายการบินเข้าไทยเอื้อรับตัวคนไข้ โฆษก กมธ.ติดตามกู้เงินโควิด พบเบิกจ่ายล่าช้าแค่ 66%
          เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยสถาน การณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 10 ราย ในสถานที่กักตัวของรัฐ มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,600 รายยอดสะสมของผู้ที่รักษาหายแล้ว 3,390 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตสะสม 59 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 151 ราย
          สำหรับผู้ป่วยรายใหม่รายที่ 1-2 มาจากคูเวต โดยรายที่ 1 เป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุ 38 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 22 ก.ย.63 พบผู้ป่วยยืนยัน ในเที่ยวบินเดียวกัน 3 ราย เข้าพักในสถานที่กักกันของรัฐใน จ.ชลบุรี ตรวจครั้งแรก วันที่ 26 ก.ย.63 ผลไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 4 ต.ค.63 ผลพบเชื้อ ไม่มีอา การ ส่วนรายที่ 2 เพศชาย สัญชาติคูเวต อายุ 61 ปี เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 3 ต.ค.63 เข้าพักสถานที่กักกันโรงพยาบาลใน กทม. เป็นผู้ติดตามผู้ป่วยที่มารักษาด้วยโรคอื่น ตรวจครั้งแรก วันที่ 3 ต.ค.63 ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน กทม.
          รายที่ 3-5 มาจากเขตปกครองพิเศษฮ่องกง โดยรายที่  3-4 เป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุ  31 และ 40 ปี เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 23 ก.ย. 63 พบผู้ป่วยยืนยันในเที่ยวบิน เดียวกัน 3 รายเข้าพักสถานที่กักกันของรัฐใน จ.สมุทรปราการ ตรวจครั้งแรก วันที่  27 ก.ย. 63 ผลไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 4 ต.ค.63 ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ ส่วนรายที่ 5 เพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 22 ปี อาชีพพนักงานในสถานบันเทิง เดินทางถึงประเทศ ไทยวันที่  29 ก.ย. 63 เข้าพักสถาน ที่กักกันของรัฐใน กทม. ตรวจครั้งแรก วันที่ 3 ต.ค.63 ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาที่สถา บันโรคทรวงอก จ.นนทบุรี
          รายที่ 6-7 เดินทางมาจากรัสเซีย โดยรายที่ 6 เพศชาย สัญชาติรัสเซีย อายุ 51 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เข้าพักสถานที่กักกันโรคแบบทางเลือกใน จ.สมุทรปราการ ถึงประเทศไทยวันที่ 28 ก.ย.63 พบผู้ป่วยยืน ยันในเที่ยวบินเดียวกัน 1 ราย ตรวจครั้งแรก วันที่ 3 ต.ค.63 ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนใน จ.นนทบุรี และรายที่ 7 เพศหญิง สัญชาติรัสเซีย อายุ 42 ปี เข้าพักสถานที่กักกันแบบทางเลือกใน กทม. เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนใน กทม. รายที่ 8-10 เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา ถึงประเทศไทยวันที่ 29 ก.ย.63 เข้าพักสถานที่กักกันของรัฐใน จ.ชลบุรี ทั้ง 3 รายเป็นเพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 23 ปี อาชีพพนักงานโรงแรม ตรวจครั้งแรก วันที่ 4 ต.ค.63 ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ
          ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ. โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค สธ. กล่าวว่า ในประเทศไทยอาจมีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการอยู่ในสังคม ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มนี้จะเป็นวัยรุ่น คนวัยทำงานที่มีกิจกรรมหลักอยู่นอกบ้านต้องพบเจอคนจำนวนมาก ซึ่งอาจเกิดการแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นต่อได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องตระหนักคือ ความไม่ประมาท ป้องกันตัวเองให้เป็นนิสัย หลีกเสี่ยงสถานที่แออัด หรือการรวมกลุ่มปาร์ตี้ ต้องสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่นเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่และสัมผัสเชื้อที่อาจจะเกิดขึ้น และลงทะเบียนเข้าออกสถานที่ที่ใช้บริการผ่าน "ไทยชนะ" ทุกครั้ง
          วันเดียวกัน นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐ มนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข  พร้อมด้วย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับ สนุนบริการสุขภาพ (สบส.) นำคณะผู้บริ หาร สธ. เข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานโรงพยา บาลกักกันแห่งรัฐทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine: AHQ) ที่โรงพยาบาลบำ รุงราษฎร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลต้นแบบที่มีกระ บวนการทำงานและระบบการบริหารจัดการที่มีคุณภาพมาตรฐาน รองรับกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติ
          นายสาธิตกล่าวว่า ขณะนี้มีสถานพยา บาลเอกชนเข้าร่วมโครงการเอเอชคิวแล้ว 154 แห่ง โดยมีผู้ป่วยเข้ามารักษาตัวแล้ว 701 ราย ผู้ติดตาม 522 ราย สร้างรายได้ให้กับประเทศ จำนวน 29.9 ล้านบาท แต่ยังติดปัญหาเรื่องสายการบินที่ยังไม่อนุญาตให้ทำการบินได้ เช่น บางรายได้รับใบอนุญาตเข้าประเทศ ผลตรวจ 72 ชั่วโมง ปลอดโควิด แต่ไม่มีสายการบินบินเข้ามา ดังนั้น เรื่องนี้คงต้องเสนอ ศบค. กระทรวงคมนาคม และฝ่ายความมั่นคง ให้เพิ่มสายการบินเข้ามายังประเทศไทย โดยเฉพาะสายการบินจากตะวันออกกลาง นอกจากนี้ในอนาคตจะมีการเปิดสนามบินหลัก และสนามบินภายในประเทศ เพื่อรองรับการเดินทางของผู้ป่วยชาวต่างชาติ และผู้ติดตามเพิ่มเติมกรณีที่จะต้องมีการต่อเครื่อง และเปิดด่านทางบกเพิ่มเติม ได้แก่ 1.ด่านบ้านแหลม (ไพลิน/ เสียมเรียบ/พระตะบอง)-จันทบุรี และ 2.ด่านบ้านหาดเล็ก (เกาะกง/สีหนุวิลล์)-จันทบุรี
          ที่รัฐสภา นายสุชาติ ตันเจริญ รองประ ธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ให้การรับรอง นายมโย มยิน ตาน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทย และคณะ เพื่อมอบหน้ากากอนามัย จำนวน 3 แสนชิ้น เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนชาวเมียนมา โดยนายสุชาติกล่าวว่า หากรัฐบาลเมียนมามีความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์ใด ขอให้ประสานมาทางรัฐสภาไทยยินดีให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังความสามารถ และยินดีเป็นตัวกลางในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
          นายมโย มยิน ตาน กล่าวขอบคุณรัฐ สภาไทยที่ให้ความช่วยเหลือเมียนมาเป็นครั้งที่ 2 และยังระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ของเมียนมา สา เหตุมาจากประชาชนเห็นว่ารัฐบาลสามารถควบคุมการแพร่ระบาดในช่วงแรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเกิดความชะล่าใจ และไม่ปฏิบัติตามข้อแนะนำของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ขอให้ประเทศไทยวางใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากรัฐบาลเมียนมาสามารถควบคุมการแพร่ระบาดบริเวณชายแดนจนมีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง
          ทางด้านนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาติดตาม ตรวจสอบการใช้เงินตามพระราชกำ หนด 3 ฉบับเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ได้รับราย งานว่าโครงการกลุ่มที่ 1 ว่าด้วยการสาธารณสุขได้ผ่านการอนุมัติแล้ว 2,555 ล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด 45,000 ล้านบาท, กลุ่มที่ 2 แผนเยียวยาและชดเชยให้กับผู้ได้รับผลกระทบ อนุมัติให้จ่ายเงินกู้แล้ว 365,657 ล้านบาท จากทั้งหมด 555,000 ล้านบาท และกลุ่มที่ 3 สำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม อนุมัติให้ใช้จ่ายแล้ว 108,374 ล้านบาท จากวงเงินกู้ 400,000 ล้านบาท ดังนั้น ณ วันนี้ มีกรอบวงเงินคงเหลือ 523,412 ล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด 1 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางรายงานอีกว่า รัฐได้อนุมัติไปแล้ว 470,000 ล้านบาท และเบิกจ่ายดำเนินการไปแล้ว 290,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 66% จากที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติวงเงินไป.

 pageview  1210913    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved