ผลงานวิจัยดีเด่นของจุฬาฯ ระบุนิสิตนักศึกษาแห่ทำศัลยกรรมมากขึ้น เหตุเพราะการมองร่างกายเป็นเสมือนวัตถุจึงสร้างความโดดเด่นด้วยการแต่งเติมทำให้ตัวเองรู้สึกมีคุณค่า
          ไทยโพสต์ * นักวิชาการด้านจิตวิทยา จุฬาฯ เผยเด็กวัยรุ่นมีแนวโน้มทำศัลยกรรมเสริมความงามมากขึ้น พบสาวมหาวิทยาลัยทั้งรัฐ-เอกชนแห่เสริมจมูกมากสุด ชี้ปัจจัยเกิดจากค่านิยมในสังคมยอมรับรูปลักษณ์หน้าตามากกว่าคุณค่าจิตใจ มองร่างกายเสมือนวัตถุ
          เมื่อเร็วๆนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มอบรางวัลผลงานวิจัยดีเด่น ประเภทนิสิตมหาบัณฑิต ให้แก่ น.ส.กมลกานต์ จีนช้าง อาจารย์ประจำสาขาวิชาจิตวิทยาสังคม คณะจิตวิทยา จุฬาฯ จากผลงานวิทยานิพนธ์เรื่อง"อิทธิพลของความนิยมความสมบูรณ์แบบต่อเจตคติในการทำศัลยกรรมเสริมความงาม โดยมีการนำเสนอตนเองด้วยความสมบูรณ์แบบและการซึมซับจากวัฒนธรรมสังคมเป็นตัวแปรส่งผ่าน"
          น.ส.กมลกานต์ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันศัลย กรรมเสริมความงามได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น นิสิตนักศึกษามีแนวโน้มทำศัลยกรรมมากขึ้น แตกต่างจากในอดีตที่ผู้ทำศัลยกรรมส่วนมากเป็นวัยกลางคนที่ต้องการแก้ไขความบกพร่องบนใบหน้า แต่ทุกวันนี้ผู้ทำศัลยกรรมมีอายุน้อยลง เพราะซึมซับค่านิยมในสังคมไทยที่หันมายอมรับคนรูปร่างหน้าตาดี ตนจึงได้ทำวิทยานิพนธ์เรื่องดังกล่าวในเชิงจิตวิทยาโดยกลุ่มตัวอย่างที่ทำการศึกษาวิจัยเป็นนิสิตนักศึกษาหญิงในมหาวิทยาลัยของรัฐ 4 แห่ง และเอกชน 4 แห่ง รวม 635 คน แบ่งเป็นภาครัฐ 375 คน และเอกชน 260 คน ผลสำรวจพบว่า มี 73 คนที่ผ่านการทำศัลยกรรมรวมจำนวน 122 ครั้ง แบ่งเป็นทำจมูก 34.43% เลเซอร์ลบริ้วรอย 28.69% ทำตา 2 ชั้น 8.2% เสริมหน้าอก 7.38% และผ่าตัดแก้ไขรูปหน้า เสริมคาง-ตัดกราม 4.92%
          จากการศึกษาวิจัยทางจิตวิทยาพบว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ศัลยกรรมเสริมความงามได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น คือ เกิดจากความไม่พึงพอใจในรูปลักษณ์ของตนเอง จึงต้องการจะเปลี่ยนแปลงให้รูปร่างหน้าตาดูดียิ่งขึ้น หลายคนมักจะหมกมุ่นกับเรื่องความงามและรูปร่างหน้าตาเป็นสำคัญเป็นคนมีลักษณะวัตถุนิยมสูง และมีแนวโน้มในการมองร่างกายเป็นเสมือนวัตถุ การทำร่างกายให้ดูดีโดดเด่นด้วยการทำศัลยกรรม ทำให้ตนเองรู้สึกว่ามีคุณค่าและความภาคภูมิใจ
          นอกจากนี้ ปัจจัยทางสังคม ได้แก่ กระแสสังคมยุคปัจจุบันที่นิยมชมชอบดารานักแสดงที่มีหน้าตาสวยงาม ซึ่งยอมรับว่าผ่านการทำศัลยกรรมเสริมความงามมาแล้ว ทำให้คนบางกลุ่ม เช่น วัยรุ่น ยอมรับค่านิยมในเรื่องความสวยเหมือนดาราและมองว่าการทำศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด แต่กลับช่วยทำให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ปัจจุบันกลุ่มคนที่ทำศัลยกรรมเสริมความงามจึงไม่ใช่เฉพาะกลุ่มผู้สูงวัยเท่านั้น
          น.ส.กมลกานต์กล่าวว่า ได้ศึกษาปัจจัยทางจิตวิทยาที่อาจเป็นสาเหตุให้บุคคลเลือกทำศัลยกรรมเสริมความงาม ได้แก่ ความนิยมความสมบูรณ์แบบ การนำเสนอตนเองด้วยความสมบูรณ์แบบต่อสังคม และการซึมซับค่านิยมทางวัฒนธรรมสังคม ผลการศึกษาวิจัยพบว่า ปัจจัยด้านค่านิยมทางวัฒนธรรมสังคมมีอิทธิพลมากที่สุดต่อการทำศัลยกรรม หากเป็นผู้นิยมความสมบูรณ์แบบก็จะทำให้มีผลต่อการตัดสินใจทำศัลยกรรมเสริมความงามมากขึ้น เพื่อนำเสนอตนเองให้ดูดีต่อสังคมรอบข้าง
          นักวิชาการด้านจิตวิทยา จุฬาฯ ให้ข้อเสนอแนะต่อเด็กวัยรุ่นว่า สิ่งที่ควรตระหนักคือ คุณค่าของคนเราไม่ได้อยู่ที่ความสวยความงาม รูปลักษณ์หน้าตาภายนอกเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าภายใน เช่น ความสามารถของบุคคลซึ่งมีความสำคัญมากกว่า นอกจากนี้ ผู้ที่ผ่านการทำศัลยกรรมมาแล้วหลายครั้งเสมือนเป็นผู้เสพติดศัลยกรรม ทำให้ผู้ที่ทำศัลยกรรมความงามบางรายมีหน้าตาที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ การแก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมจะเป็นไปได้ยาก อยากให้ตระหนักว่าไม่มีศัลยกรรมประเภทไหนที่สามารถสร้างคนให้สวยงามได้เต็มร้อย.